Ads

แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ UCE แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ UCE แสดงบทความทั้งหมด

วันจันทร์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

[ไดอารี่]ประสบการณ์ที่เคยไปทัศนศึกษาแลกเปลี่ยนระยะสั้นที่นิวซีแลนด์ (ตอนนั้นอยู่ ม.4 ค่ะ) part 2



   




        สวัสดีค่ะ บล็อกที่แล้วเจได้อธิบายเกี่ยวกับการเตรียมตัวก่อนวันเดินทางมาต่างประเทศกับทางโครงการค่ะ  ในส่วนของพาร์ทนี้ เจจะมาเล่าเรื่องให้ฟังนะคะ


วันเดินทาง




เจบินจากภูเก็ตไปกรุงเทพกรุงเทพไปบรูไนบรูไนไปนิวซีแลนด์  บินมาตลอด 12 ชั่วโมงค่ะ สภาพนี่แบบเพลียมากกกก เจ็ตแลคไปยาวๆเลย -3- (บินเช้าวันจันทร์แต่ถึงบ่ายวันพุธที่นั่น)เวลาที่นี่จะไวกว่าที่ไทยประมาณ 6 ชั่วโมงค่ะ เมื่อบินลงสนามบินAuckland และนั่งรถบัส 2 ชั่วโมง ไปเมือง KatiKati ( เป็นชานเมืองที่เกาะเหนือของนิวซีแลนด์ค่ะ เมืองเล็กแบบเล็กแบบเล็กมากของมากๆๆๆๆและมาก เล็กกว่าภูเก็ตอีกค่ะ  )  รถทัวร์จะพามาส่งที่โรงเรียน Katikati College ค่ะ เป็นศูนย์รวมตัวของโฮสแฟมิลี่ค่ะ ต่อมาโฮสแฟมิลี่ของเจก็มารับพาเจกลับบ้าน ตอนนั้นก็เหงาๆค่ะผสมผสานกับความตื่นเต้นในใจลึกๆ ด้วยความที่ว่าเป็นเด็กไทยคนเดียว ไม่มีคนพูดไทยด้วย ก็เลยจำเป็นต้องมั่นหน้าว่าต้องพูดภาษาอังกฤษค่ะ ย้ำว่า ต้องได้ ..!!



  




ในครอบครัวของเจที่ไปอยู่ก็มี คุณพ่อ คุณแม่ เด็กแลกเปลี่ยนคนญี่ปุ่น 1 คน คนไต้หวัน 1 คนแล้วก็หมาอีก 1 ตัวค่ะ อารมมีลูกสาว 4 คนในบ้านเลย (หมาตัวเมียค่ะ)


โฮสแฟมิลี่เค้าชวนเจคุยตลอดทางขับรถกลับบ้านค่ะ (ขับแปปเดียวเอง) เมื่อมาถึงบ้าน พวกเค้าก็เริ่มถามเจเลยค่ะว่า เป็นคนที่ไหน อย่างไร บลาๆๆ ตอนนั้น สารภาพตามตรง พูดได้แค่ ‘‘My name is JJ, I come from Thailand.’’ คือบอกตามตรง ไม่กล้าพูดเลย อายมากเลย ฮืออ…. แกรมม่งแกรมม่าเจคือ 0 เลย  เจไม่ได้เลย ยิ่งเรื่องผันไวยากรณ์คือลงหม้อคืนครูที่โรงเรียนไปหมดแล้ว!!! แต่พอเค้าบอก ‘‘It’s fine. Nevermind.’’ ก็เลยทำให้เจรู้สึกอุ่นใจมากขึ้นเลยค่ะว่าเค้าไม่ได้ care ที่เราจะพูดผิดแกรมม่า หลักๆคือเค้าอยากให้เจพูดภาษาอังกฤษให้เต็มที่แหละ เพราะไม่งั้นจะมาที่นี่ทำไมล่ะ จริงแม้ะ??!! จากนั้นก็โม้กันเรื่อยเปื่อยไป...



ต่อมาก็ถึงตาที่โฮสคุณพ่อคุณแม่ก็แนะนำมาค่ะ พวกท่านบอกมาว่า ทำงานเป็นโฮสที่นี่มา 5 ปีแล้ว เกษียณอายุแล้วทั้งคู่ค่ะ รับเด็กแลกเปลี่ยนเฉพาะผู้หญิง ชอบทำกับข้าวมากๆ ชอบพาหมาไปเดินเล่นที่ริมแม่น้ำหลังหมู่บ้าน ชอบไปเยี่ยมคุณยาย ชอบเย็บปักถักร้อยค่ะ (ซึ่งเจไม่ถนัดสักอย่างเลยแงงงง >o< 5555555555 )

            หลังจากนั้น เจก็เลยถามเพื่อนที่เป็นเด็กแลกเปลี่ยนในบ้านโฮสเดียวกับเจไปว่า ‘What is your name?’ ‘How old are you?’ ‘Where are you from?’ เพื่อนตอบว่า ‘My name is Yuina. I’m 16. I’m from Japan.’ พอได้คุยนิดนึงก็รู้ว่ายูอิน่าเป็นคนแอบหนอนหนังสือนิดนึง ส่วนอีกคนก็ ‘My name is Laura. I’m 16. I’m from Taiwan.’ ลอร่าเป็นคนที่รักสัตว์มากๆ ใฝ่ฝันอยากจะเป็นสัตวแพทย์ หลังจากที่ได้คุยกันก็ได้รู้ว่า อ๋อ นี่เป็น housemate เราทั้งสองคนนี่เอง ^^  เค้าก็บอกด้วยค่ะว่า พรุ่งนี้ไปโรงเรียนด้วยกันนะ 8โมงล้อหมุน อย่าตื่นสายล่ะ ^^  ( แต่เจก็ตื่นสายค่ะเนื่องจากปรับเวลาไม่ทัน เจมีอาการ jetlack มากๆค่ะ หลงเวลา หลง time zone หลับยาวเลย ไมได้ยินอะไรสักอย่าง จนต้องแหกตาตื่นเลย คือเฟลมาก )


                จนกระทั่งถึงวันไปโรงเรียนค่ะ เจเพิ่งมารู้ว่า ….บ้านเจไม่มีจักรยานเลย !! OH MY GOD ! ฮืออออต้องเดินไปเท่านั้นค่ะ (ระยะทาง 3-5 กิโลสำหรับต่างชาติ การเดินเป็นเรื่องปกติค่ะ เค้าจะไม่ใช้รถยนต์ค่ะเนื่องจากราคาน้ำมันที่นั่นมีราคาค่อนข้างแพงเลยค่ะ และรวมถึงการมีรถยนต์ทำให้มีค่าใช้จ่ายที่เยอะกว่าประเทศไทยมากๆๆๆค่ะ) การไปโรงเรียนของเจนั้น เดินวันละครึ่งชั่วโมง (เรื่องเดินไม่ใช่อุปสรรคสำหรับเจ 55) เดินไปก็เจอเด็กต่างชาติคนอื่นบ้างไรบ้าง หลักๆก็มีอยู่ไม่กี่คำถามค่ะ ( คือตอนนั้นโง่ 555555 ) ได้แต่ถามไปว่า ‘What is your name?’ ‘Where are you from?’ ‘What time did you wake up?’ ‘What did you eat for breakfast?’ 555 คำถามง้องแง้งมากเยย ก็เค้าคิดไม่ออกแล้วง่า ตื่นเต้น และเขินอาย >< โม้ไปเพื่อนก็ช่วยแก้แกรมม่าไปด้วย 555 คือดี…. แต่ที่เจอึ้งไปกว่านั้นคือ ….เพื่อนที่เป็นเด็กไต้หวัน มันชวนเจคุยจีน ?!!! คือตอนนั้นภาษาจีนของเจอ่อนแอมาก แทบจำอะไรไม่ได้เลย เพราะเราใส่ใจแต่ภาษาอังกฤษ …!!!!! 555 รอบด้านระหว่างทางเดินไปโรงเรียน มีแต่ทุ่งหญ้าสีเขียวขจี บ้านคนเป็นบ้านแบบกระต๊อบเล็กๆ อากาศดี ฟุตบาตรกว้าง (เสียดายที่รูปถ่ายมีไม่ค่อยเยอะเนื่องจากยุคนั้นเทคโนมันมีไม่เยอะ และ แพงด้วย ( สมัยไอโฟน 4หมื่นแต่ข้าวยังจาน 20บาท ) 


            







   



            

โรงเรียนที่นี่ชื่อ Katikati College เป็นโรงเรียนประจำเมืองค่ะ มีขนาดเล็กมาก ไม่ใหญ่เลย นักเรียนส่วนมากจะเป็นคนพื้นที่ค่ะ และมีนักเรียนแลกเปลี่ยนประปราย ส่วนมากจะเป็นเด็กไต้หวันที่มาเรียนกันค่ะ



พอถึงโรงเรียนแล้วก็ตื่นเต้นค่ะ ตื่นเต้นไปหมด !!! ตื่นเต้นอะไรก็ไม่รู้ บรรยากาศก่อนเข้าเรียนก็จะมีเด็กๆจับกลุ่มเล่นกัน เล่นฟุตบอล โยนลูกรัคบี้ คาบโฮมรูมก็จะมีครูเข้ามาคุยเล็กๆน้อยๆแบบที่ไทยค่ะ เริ่มเรียนจะเป็นตอน 9โมง สาบานว่า ตอนเรียนเรียนไม่รู้เรื่องสักวิชาเลยค่ะ  มาถึงก็โดนเตะออกไปแนะนำตัวหน้าห้องสะแล้ว อายมาก มือสั่นมากเลย พูดไม่กี่ประโยคจากนั้นก็จบท้ายด้วยคำว่า Nice to meet you’. (เพราะคิดไม่ออกแล้ว กร๊ากกกก) ส่วนตอนระหว่างเรียน สารภาพตามตรงว่า….Lรู้เรื่องแค่เฉพาะวิชาภาษาอังกฤษอย่างเดียวเลย จริงๆ เลข วิทย์ ประวัติศาสตร์ คือ ฟังไม่รู้เรื่องเลยจา..บ่องตง Lแต่ทางโครงการให้แค่ไปเรียนแบบทำการบ้านพื้นๆทำกิจกรรมในห้องเรียนค่ะ ไม่ได้มีการสอบใดๆ  ครูในนั้นก็ใจดี ชอบมาให้เด็กไทยออกมาพรีเซ้นหรือคุยในชั้นเรียนทุกครั้งเพื่อให้ทุกคนมีส่วนร่วมกันค่ะซึ่งเด็กไทยพวกเราแกรมม่าก็ ไม่รอดสักคนเลยจา แต่ก็สนุกสนานค่ะ ไม่ซีเรียส ช่วยๆกันค่ะทำให้การเรียนภาษาอังกฤษสนุกมากขึ้น พูดง่ายๆคือ หน้าด้านมั่นหน้าไปพร้อมๆกันไปเล้ยยย



            เวลาพักกลางวันจะอยู่ที่ราวๆ 11 โมงกว่าเกือบๆเที่ยงนะคะ ด้วยความที่โรงเรียนที่เจไปเรียนเป็นโรงเรียนเล็กมากๆค่ะ ดังนั้นในโรงเรียนจะไม่มีโรงอาหารค่ะ นักเรียนทุกคนจะต้องเอากล่องอาหาร ( lunch box ) มาเอง  อาหารก็จะเป็นอาหารที่เตรียมมาแบบง่ายๆค่ะ แค่ขนมปังแซนวิช พาย น้ำผลไม้หรือนม ผลไม้ ถั่ว คุกกี้ ส่วนมากก็จะเป็นอาหารที่ทำเองในบ้านและของเหลือจากเมื่อคืนที่ยังทานได้ค่ะ






            เวลาเลิกเรียนที่นั่นจะเป็นบ่าย  3 โมงค่ะ บางวันเพื่อนจะพาเจไปเมืองไปซื้อขนมติดตัวกลับบ้าน แต่บางวันก็จะเดินกลับบ้านรวดเดียวไปเลย ถ้าวันไหนฝนตกจะรีบกลับบ้านเร็วเป็นพิเศษค่ะ ( มันหนาวมากจริงๆนะ ) เมื่อถึงบ้านอันดับแรกก็ทำการบ้านก่อนค่ะ จากนั้นเจก็จะมานั่งที่ห้องนั่งเล่น ดูทีวีพลางๆในขณะที่คุณพ่อคุณแม่โฮสทำอาหาร เพราะเราจะได้คุยกันไปด้วยน่ะค่ะ บางทีก็นั่งดูลอร่าเย็บปักถักร้อย ชวนเจทำอีกแล้ว แต่ก็ไม่เอาเช่นเคย 5555  ตอนทานอาหารก็จะทานพร้อมกันค่ะ (หมาก็ด้วย) จากนั้นก็นั่งคุยต่อจนถึงประมาณ 2-3ทุ่มแล้วแยกย้ายกันไปนอน แล้ววันถัดๆไปก็ตื่นไปโรงเรียนตามปกติค่ะจนชินไปเอง….


            ชีวิตคนที่นิวซีแลนด์ค่อนข้างสโลวไลฟ์ ( slow life ) เอามากๆเลยค่ะ แต่ละคนจะมีเวลาอยู่กับครอบครัวค่อนข้างเยอะเลย บ้านไหนที่มีสัตว์เลี้ยงแบบบ้านที่เจไปอยู่ เค้าก็จะมีเวลาเทรนสัตว์เลี้ยงทุกวันค่ะ ทำอะไรก็ไม่รีบ เรื่อยเปื่อย ทำสวน คุยกับเพื่อนบ้าน ประมาณนี้ค่ะ ผิดจากที่เจอยู่ไทยเลยค่ะ เหมือนทุกวินาทีมีค่า อะไรๆก็ต้องรีบต้องทำเวลาไปเสียหมด ไม่มีเวลาแช่ตัวพักผ่อนอยู่ในบ้านยาวๆแบบนี้เลยค่ะ








            นี่ก็จะเป็นวิวหลังหมู่บ้านค่ะ โฮสบอกว่าพาหมามาเดินที่นี่เป็นประจำ อากาศดี น้ำใส ธรรมชาติสวยอยู่ บางวันนี้อยากจะแต่งตัวบางๆมาเดินเล่นรับลมเย็นๆกับเค้าบ้าง ( เจเป็นคนชอบที่เย็นค่ะ )

.
.
.

            พอเรียนได้สักพักนะคะ ทางโครงการจะพาเราไปทำกิจกรรมนอกสถานที่กับเด็กที่มีเชื้อของชนเผ่าเมารีค่ะ จะเป็นพวกกิจกรรมสานสัมพันธ์ มีการแสดงเล็กน้อย จับกลุ่มเล่นเกม สอนฝรั่งเล่นเกมไทย แลกของขวัญบ้าง ทานอาหารร่วมกันค่ะ และในทางกลับกันนะคะ พวกเรานักเรียนไทยต้องทำการแสดงไทยๆด้วยค่ะ เป็นการแสดงสั้นๆค่ะ ซึ่งเป็นบรรยากาศที่สนุกสนานมากค่ะ







 







            บางวันก็พาไปขี่ม้าค่ะ วันทีไปขี่ม้าวันนั้นเค้าพาไปแถวบริเวณเนินเขาค่ะ มองวิวจากด้านบนลงมาคือสวยมากกกกกกกก แต่ ถ่ายรูปไม่ได้เนื่องจากเอาอะไรติดตัวไปด้วยไม่ได้เลย


















อันนี้ถ่ายกันเอง ระหว่างที่ทางโรงเรียนพาไปเที่ยวก็ถ่ายรูปกันเองไปทั่ว























            และเวลาก็ได้ผ่านไปจนถึงวันสุดท้ายที่ต้องกลับไทย รู้สึกไม่อยากกลับไปเลย คือว่าชอบที่นี่มากกกกก อยู่แล้วมันสนุกสนาน ฮาเฮไปกับทุกสิ่ง แต่ก็เป็นประสบการณ์ระยะสั้นที่เจประทับใจมากและทำให้กลับมาเรียนภาษาอังกฤษที่ไทยอย่างตั้งใจในระดับที่สูงขึ้นค่ะ พูดง่ายๆคือ มี passion มากมากกกกกกกกก









            และนี่ก็เป็นเรื่องราวของบล็อกนี้ค่ะ เจอาจจำได้ไม่มากเนื่องจากมันก็ผ่านมาหลายปีแล้ว เสียดายตรงที่รูปถ่ายแทบไม่มีเหลือแล้ว (อย่างที่บอกค่ะว่า สมัยก่อนตอนนั้นเทคโนโลยียังเข้าไม่ถึงเลยแจ่ะะะะ ) ต้องขอบคุณโครงการ Universal Cultural Exchange มากๆค่ะ ที่ได้มอบโอกาส ประสบการณ์ที่ดีให้กับพวกเรา








            หลังจากกลับไทยแล้ว ช่วงนั้นก็มีอีเมลเขียนถึงกันบ้าง ( แต่เดี๋ยวนี้ไมได้ติดต่อกันแล้วค่ะก็แอบเสียดายนิดนึง )

            หวังว่าบล๊อกนี้จะเป็นแนวทางให้กับมือใหม่หลายๆคนนะคะ  สำหรับรีวิวทริปนิวซีแลนด์มีเท่านี้ค่ะ



JJDiary