สวัสดีค่า
หลังจากที่อ่านพาร์ทแรกไปแล้ว เป็นยังไงบ้างคะ
คงจะเห็นว่าพวกเจเหนื่อยกันมากเลยสิใช่มั้ยคะ 5555
งั้น มาเริ่มกันเลยค่ะ ( อย่างที่บอกนะคะ อรรถรสอยู่ที่คำบรรยาย ไม่ได้อยู่ที่รูปภาพเลยจาาา )
พวกเราก็หลับลึกเหมือนราวกับม่องเท่งไปเลย
(ด้วยความที่เมื่อวานมันเหนื่อยจริงๆ ปวดเท้ายังไม่หายเลย )
ก็ตื่นไปกินข้าวเช้าร้านใกล้ๆที่พัก ไม่รู้แหละว่าเค้าเรียกว่าอะไร เห็นแล้วก็เออ
ชี้ๆๆ จิ้มๆๆๆ แดกได้ก็แดก แดกไม่ได้ก็โยนทิ้งไปแค่นั้นเอง คิดมากทำไมเนอะเนอะเนอะ ^^ แต่….ด้วยความที่ซอลไม่ค่อยกล้ากินของแปลกเกิน
ออมกินได้ทุกอย่าง
สุดท้ายเรามาจบที่ไอก้อนๆเนี่ยะๆ มันเหมือนกับ ‘ซาลาเปาทอด’ ละมั้งนะ ก็ซื้อแต่ไอเนี่ยแหละ แล้วเอามากินด้วยกัน 3 คน
ทริปของวันนี้นะคะ พวกเราได้ไปที่สวนจัวเจิ้ง 拙政园 Humble Administrator’s
Garden, อยู่ในใจกลางเมืองค่ะ เป็นสวนสาธาณะที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในซูโจว
และได้รับการบันทึกเป็นมรดกโลกโดยสหประชาชาติ UNESCO ด้วย ก่อนที่จะมาที่นี่พวกเราก็ได้ถามอาอี๋ที่โรงแรมแล้วว่ามายังไง
เค้าก็แนะนำรถเมล์สายนี้ๆๆๆ นั่งมาตามที่แกบอกก็ถึงค่ะ
แกได้บอกถึงให้พวกเราระมัดระวังตัวด้วยค่ะเนื่องจากว่าที่นี่คนเยอะมากๆ
ระวังของหาย พวกกระเป๋าตัง มือถือ และรวมถึงต้องระวังไกด์เถื่อนด้วยค่ะ
เที่ยวหน้าสดนี่แหละเมคองเมคอัพไม่สนใจอ้ะ
ไม่มีเวลงเวลามาสนความสวยความงามกันละค่ะ แบ๊คแพ๊คนี่น้า
เที่ยวแบบประหยัดค่ะประหยัด
หลังจากที่ออกจากสวนนะคะ
เราก็ออกมาหาอะไรกินค่ะ มาเจอร้านหมี่ร้านนึง มันคือหมี่อะไรก็ไม่รู้
ป้าคนขายบอกของขึ้นชื่อของเมืองนี้แล้วบวกกับลูกค้าล้นร้านเลย
เหมือนมันขายดีเอามากๆอ้ะถ้าเทียบกับร้านอื่นๆข้างเคียง เราก็เออ กินก็กิน
หิวแล้วปวดท้องเดี๋ยวเที่ยวไม่หนุกอีก… หมี่อะไรก็ไม่รู้
กินแล้วก็แอบหวานๆนิดๆ ( เห็นครูจีนบอกมาว่า
ว่ากันว่าคนเมืองนี้อาหารจะแอบไปทางหวานถ้าเทียบกับเมืองอื่นๆน่ะ )
กินอิ่มแล้วพวกเราก็ย้อนกลับมาเที่ยวที่เดิมๆค่ะ
ผิงเจียงลู่ 平江路 ก็ถนนคนเดินข้างแม่น้ำทั่วๆไปนี่แหละค่ะ
เดินดูนู่นนี่นั่น เวลาเหลือเยอะ คนเยอะมาก คนแน่นมากเป็นปลากระป๋องสุดๆ ก็จะมีพวกของกิน
ของที่ระลึก คาเฟ่ร้านกาแฟน่ารักๆ กิ๊ฟชอปเยอะแยะมากมายก่ายกองเต็มไปหมด
แต่ว่าราคานี่ก็แพงหูฉี่ไปเลยทีเดียวเนื่องจากว่ามันเป็นย่านท่องเที่ยวอ้ะเนอะ
แต่ก็น่าเดินอยู่
บางทีก็เปลี่ยนบรรยากาศขึ้นรถเมล์
ขึ้นลงๆๆมั่วๆ อยากไปไหนก็ไป นั่งไปยาวๆ ( ขี้เกียจเดินไงคะ 555 ) ก็ค่ารถมันแค่หยวนสองหยวนเอง ถูกมากกกกกก
แถมระบบรถเมล์ที่จีนก็ดีมากด้วย เอาจริงๆบางป้ายพวกเราก็ไม่กล้าลงนะคะ เพราะว่า
ประตูรถเมล์ยังไม่ทันเปิดเลย เจอเหล่าอาม่าป้าป้าอาจุมม่ามาจี้ขายทัวร์รุมกรูกันเสียแล้ว
เหอะๆๆ เลยคิดสะว่า นั่งต่อเห๊อะ….
เจอย่านๆนึงเหมือนเป็นย่านศูนย์การค้า จัด event อะไรก็ไม่รู้เป็นเทศกาลบางอย่าง แต่คนเยอะยังกะปลากระป๋องเลย
ถ่ายแค่หน้งานพอ
จนมาถึงประมาณ 5-6 โมงเย็น ฟ้าเริ่มจะมืดลงแล้ว พวกเราไปที่ย่านถนนคนเดินอีกที่นึงค่ะ ซานถ่างเจีย 山塘街 เป็นถนนคนเดินที่ใหญ่แบบมากๆๆๆและมาก พร้อมกับมีแสงสีที่สวยงาม ถามว่าเดินทางมายังไงน่ะหรอ ก็นั่งรถเมล์ตามที่ถามอาอี๋จากที่พักนี่แหละค่า ใครที่มาเที่ยวเมืองซูโจวแนะนำให้มาที่นี่นะคะ ( อย่างที่กล่าวพวกเราไม่ได้เก็บภาพสวยๆเลยค่ะ ไม่ได้มีกล้องมีมือถือถ่ายภาพสวยๆ แต่สถานที่นี่ของจริงไม่ได้แย่เลยค่ะ )
....ตอนนั้นที่ไป.... แอบต่อรถยากนิดนึง เนื่องจากรถเมล์ที่พวกเรานั่งอยู่คนขับอยู่ๆ พูดเป็นภาษาจีนว่า ...''ขอโทษนะ... แต่คันนี้ไปไม่ถึง''... ซึ่งคนในรถ พวกเรา รวมถึงคนจีนคนอื่นนี่ถึงกับ ..อึ้ง.. ห๊ะะะ..!!! อะไรนะ...??!! จะทิ้งพวกเราดื้อๆงี้ไม่ได้!!!.... พวกคนจีนนี่ก็โวยวายช้องแช้งๆๆๆเสียงดังใหญ่เลย -...- แต่สุดท้ายพวกเราทุกคนก็โดนทิ้งไว้กลางทางค่ะ แงงงงง ..TT^TT.. จนกระทั่งก็เออ ตัดสินใจเดินด้อมๆมั่วๆตามหลังกลุ่มคนจีนว่าววพกเค้าไปไหนกัน สรุป พวกเค้าไปขึ้นรถสายใหม่ที่พาไปที่นั่น รอดแล้วววว ^^ !!!!....
ยืนงงในดงคนจีน ^)^
วันรุ่งขึ้น วันสุดท้ายของทริปนี้แล้ว พวกเราก็เดินเล่นเตร่ๆแถวที่พักแหละค่ะ
อารมอยากแวะอยากเดินที่ไหนก็ไป ชะโงกๆเอา แล้วก็ก่อนจากเมืองซูโจว ได้กล่าวขอบคุณบอกลาอาอี๋กับสามีแกที่ยอมให้พวกเรา
3คนมาพักตลอดทริปนี้ ที่พวกเค้าไว้ใจพวกเราเอามากๆ ^^ ( ที่ซุกหัวนอนทริปหนีเรียนของเรา ) จากนั้นก็แวะเที่ยวนิดๆหน่อยๆ
และนั่งรถไฟกลับเมืองฉางโจวช่วงเที่ยงค่ะ
ทริปนี้เป็นทริปแรกที่ทำให้พวกเราได้เรียนรู้อะไรมากมายพร้อมรู้เลยว่าถ้าจะไปเที่ยวอีกรอบหน้าจะต้องเตรียมตัวยังไงบ้าง
แต่ก็รู้สึกดีที่สุดท้ายก็ไม่ได้มีอะไรเลวร้ายเกิดขึ้นระหว่างการหนีเที่ยวค่ะ และที่แน่ๆคือ มัน สนุก มากกกกกกกกกกกกกกกกกกก
เจอกันใหม่ในบล็อกหน้านะคะ ถ้ามีคอมเม้นอะไร แชร์กันมาได้เลยนะคะ