Ads

วันเสาร์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2563

[ไดอารี่]เมื่อสมัยเรียนปีสุดท้าย ลากกระเป๋าเล็ก+เป้คนละใบหนีเที่ยวปักกิ่งแบบชะโงกงบคนจนจะเป็นยังไง พาร์ท 3/3 (Beijing 北京)

                วันสุดท้ายของการเที่ยวปักกิ่งของพวกเราก็มาถึงแล้วนะคะ พวกเราเหลือสถานที่ท่องเที่ยวอีก 2 ที่ที่พวกเราต้องมาชะโงก นั่นก็คือ พระราชวังฤดูร้อน และ หอฟ้า นั่นเองนะคะ ทั้ง 2 สถานที่นี้เป็นสถานที่ที่พวกเราไมได้เข้าไปในส่วนลึกที่สุดนะคะ เพราะเนื่องจากว่าค่าผ่านประตูแพงมากๆและต้องจ่ายหลายด่านต่อหลายด่านเอามากๆๆๆและมาก ฉะนั้นพวกเราก็แค่ชะโงกส่วนหน้าก็พอค่ะ ตังไม่มีแล้ว….


                ก่อนอื่นก็เช็คเอ๊าออกจากที่พักก่อนค่ะ ทริปที่เหลือนี่ เที่ยวไปด้วย แบกกระเป๋าเดินทางไปด้วยทุกที่ บอกเลยว่า ใครที่อยากลดน้ำหนักกำลังอ้วนๆอยู่เนี่ย ผอมแน่นอนอ้ะ 5555 …..


                เริ่มจากนั่งรถไฟใต้ดินไปที่พระราชวังฤดูร้อนค่ะ The Summer Palace นั่งไปไกลอยู่ พอไปถึงแล้ว พวกเราหลงทางกันอีกแล้วววว..!!! … เอ๊ะ แต่เหมือนมันก็ไม่เชิงหลงทางหรอก เค้าเรียกกันว่า มันมีทางเข้าหลายทางมากกว่า ทางเข้าบางที่เจอสวนหย่อม ทางจุดเจอทะเลสาบ อะไรทำนองนั้นน่ะค่ะ เสียเวลาหาทางเข้านานอีกแล้ว ( ช่วงนั้นพวกรุกคนเริ่มปวดขาปวดเท้าด้วยน่ะค่ะ เพราะเดินเยอะทุกวันเลย ) ซึ่งแต่ละที่ค่าผ่านประตูก็แตกต่างกันไป บอกตรงๆอ้ะ เห็นค่าผ่านประตูแล้วถึงกับยอมแพ้กันเลยอ้ะคนๆ จ่ายแค่ค่าผ่านประตูสักที่แค่นั้นพอ เพราะเราก็มีเวลาไม่เยอะอยู่แล้วค่ะ ได้ชำเลืองแค่ประมาณ 1 ชั่วโมง รูปนี่บอกเลยว่าไม่ได้ถ่ายอะไรกันเลยค่ะ เพราะพวกเรารีบมาก จากนั้นก็ต้องรีบไปอีกที่นึงแล้ว ( คงคอนเสบทัวร์ชะโงก )



            颐和园   The summer palace   พระราชวังฤดูร้อน

            นั่งรถไฟใต้ดินไปลงสถานี 北宫门 สาย 4 ทางออก D ( สายรถไฟนี้เป็นสายรถไฟใหม่เหมือนเซี่ยงไฮ้ จะบอกป้ายทางละเอียดๆ ) แล้วเดินตามฟุตบาทยาวๆๆๆๆๆๆ จนกระทั่งเจอทางเข้า

            สถานที่นี้หมดเวลาไป1วันเต็มๆเลยก็ว่าได้ มันกว้างมาก แล้วแต่ละจุดภายในนั้นต้องเสียงตังเพิ่มด้วย ไม่ใช่ว่าซื้อแค่บัตรเข้าแล้วจะเดินได้ทั่วทั้งหมด )




        บัตรเข้าพระราชวังฤดูร้อน

        อันนี้แค่ค่าเข้ารอบสวนเฉยๆ

        แต่ถ้าอยากเข้าไปภายในวังหรือถนนส่วนอื่นในนั้นต้องเสียค่าเข้าเพิ่มเองนะ








ตอนที่เมื่อยก็ขอใช้แรงงานผู้ชายหน่อยละกัน 55555




                ตอนนั้นก็รู้สึกว่าเป็นประมาณบ่ายโมงแล้วน่ะค่ะ เราก็ต้องรีบไปที่หอฟ้า 天坛 กันแล้วค่ะ เพราะสถานีรถไฟมันห่างกันมากๆ ( นั่งเป็นชั่วโมงอ้ะ คือเชื่อแล้วที่คนเค้าบอกกันว่าปักกิ่งมันใหญ่จริงๆ ) แค่เวลาเดินทางก็หมดไปแล้ว ตลอดการเดินทางในวันนี้ คนจีนมองพวกเราเป็นตัวประหลาดอ้ะ 555 ลากกระเป๋าเดินทางเดินไปทั่ว

 

                รีบเปิดวาร์ปไปที่หอฟ้าค่ะ เพราะเห็นว่าเค้าบอกว่ามันปิดบ่ายสามครึ่ง ( แต่ตอนนั้นแปลกนะ ยังเข้าได้อยู่ หรือเค้าหมายถึงเข้าได้เฉพาะส่วนหน้า แต่ที่หอฟ้าอาจปิดไปแล้วก็เป็นได้ )




            天坛   Temple of Heaven   หอฟ้า

        นั่งสาย 5 มาลงที่ 天坛东门 ทางออก A2 แล้วเลี้ยวขวา

        ภายในนั้น จะมีค่าเข้าชมสวน ชมหอฟ้า หออื่นๆด้วย
        แต่ละที่เสียค่าเข้าแตกต่างกันเช่นเดียวกัน

        ว่าง่ายๆคือ ถ้าจะเข้าอันไหนต้องเสียค่าเข้าเพิ่มนั่นเอง





                อันนี้สถานที่จริงเป็นแบบนี้ แต่พวกเราไม่ได้เข้าไปค่ะ

 

                อยู่ที่นั่นด้วยความที่พวกเราชะโงกแค่ส่วนด้านหน้าค่ะ พวกเราก็เรื่อยเปื่อยค่ะ เห็นแต่คนมาออกกำลังกาย พาหมามาเดดินเล่น คนแก่จับกลุ่มเล่นไพ่นกกระจอก เป็นต้น วันนั้นฟ้าเริ่มมืดตะวันเริ่มลับขอบฟ้าช่วงบ่าย 4 โมงกว่าแล้ว พวกเราเลยคิดว่า ไปสนามบินกันเถอะ จะได้ไม่ต้องรีบ ได้หาของกินแถวนั้นด้วย เดินตามหลังพี่โตโย่อีกครั้งผู้เชี่ยวชาญด้านการหา airport bus … เดินเป็นกิโลๆอีกแล้วค่ะ เปิด Baidu แผนที่จีนเดินตามไปเรื่อยๆค่ะ พอพวกเราได้นั่งในรถแล้ว รู้สึกสบายมาก ได้พักขาสมใจอยาก จากที่พวกเราไมได้พักขามานานแสนนาน….


                นั่งไปประมาณครึ่งชั่วโมงได้มั้ง ช่วงนั้นก็ 5 โมงกว่าๆแล้ว พวกเราก็มุ่งหน้าไปเช็คอินพลางๆค่ะ แต่แล้วก็มีเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึง นั่นก็คือ พนักงานบอกว่า กระเป๋าของพี่โตโย่และของชมพู่ไม่อนุญาตให้ carry on เอาขึ้นเครื่อง บังคับโหลดใต้เครื่องเท่านั้น และเนื่องจากว่าจองมาไม่มีน้ำหนัก จะต้องจ่ายให้เค้า 60 หยวน  ( ด้วยความที่พวกเราไม่ได้เก่งภาษาจีนกันมาก ตอนจองให้แอพมันทรายสเลดแปลภาษาบางทีก็แปลผิดแปลถูก แล้วมันเป็นโปรโมชั่นอารมซื้อตั๋วพร้อมกันได้ส่วนลดด้วยอะไรทำนองนั้นแหละมั้งนะ ) ทำให้ทั้งคู่ต้องยอมจ่ายค่าโหลดกระเป๋าใต้เครื่องไป ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรมากค่ะ ถือว่า ขอให้ได้กลับ เพราะคิดถึงหอพักที่มหาลัยเซี่ยงไฮ้กันแล้ว…. อยากอาบน้ำอุ่นๆสุดๆ


                ไฟล์ทของพวกเราบินสามทุ่มกว่าๆ ค่ะ พวกเราก็นั่งเล่นไพ่ฆ่าเวลากันจนกระทั่งพนักงานเรียกให้ขึ้นเครื่องได้ แต่แล้วก็เกิดเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงอีกแล้ว…!!!! นั่นคือ ไฟล์ทพวกเรา โดน cancel ณ ตอนนั้นเลย.....!!!!! เพราะว่าหมอกจัดมันเพิ่งลงกะทันหันตอนนั้นจริงๆค่ะ.....!!!!! พวกเรานี่ถึงขั้นที่ต้องไปดูที่หน้าต่างพร้อมๆกันซึ่งหมอกหนาจริงขึ้นมองอะไรไม่เห็นเลย  พวกเราก็ได้แต่คิดมาก เครียด เครียดเหลือเกิน เพราะวันพรุ่งนี้บ่ายพวกเราทุกคนมีเรียนกันด้วยน่ะสิ …!!!!! ตอนนั้นคนจีนแต่ละคนเสียงดังมาก เหมือนในข่าวประท้วงเลยค่ะ.....!!!!! อารมประมาณว่าสายการบินต้องทำการชดใช้ พวกเราก็เห็นใจพนักงานแอร์นะ แต่พวกเค้าก็เก็บอารมกัน พวกพนักงานชดใช้ให้พวกเราโดยการซื้อตั๋วให้ใหม่รอบ 8 โมงเช้าวันรุ่งขึ้น พร้อมน้ำหนักกระเป๋า 20 กิโล เมื่อพวกเราได้ตั๋วใหม่แล้ว ….สิ่งที่พวกเราต้องทำต่อมา ก็คือ ...การที่ต้องมาหารถแท็กซีไปที่สนามบินอีกแห่งนึง..!!!! ( ที่ปักกิ่งสนามบินมี 2 แห่งค่ะ แห่งที่พวกเราอยู่ตอนนี้มีขนาดที่เล็กมาก เล็กเหมือนสนามบินภูเก็ตตอนที่ยังไม่ต่อเติม ส่วนสนามบินอีกแห่งนั่นใหญ่มากๆ อารมสุวรรณภูมิค่ะ )... และแล้ว เมื่อกลุ่มคนจีนหลายๆคนโวยวายออกมาข้างนอกเพื่อนที่จะต้องมาหารถไปสนามบินอีกแห่งเหมือนพวกเรา  ทำให้เหล่าคนขับรถแท็กซีเถื่อน ออกมาทำมาหากิน อีกแล้ว..!!!! มาแย่งเกาะแขกกันเป็นแถบๆเลย  คือ ตอนนั้นรู้สึกแย่มาก เพราะแถวนั้นรถเมล์ก็ไม่มี แล้วมันก็ดึกเกินไปที่จะมีรถเมล์วิ่งไปมาด้วย....!!!!! คนขับรถแท็กซีเหล่านั้นรู้ว่าพวกเราไม่ใช่คนพื้นที่ รู้สึกว่าจะมีประมาณ 3 คนค่ะที่มาดักพวกเรา.....!!!! ต่างคนต่างแข่งกันลดราคา คนนี้พูดราคานี้คนนี้พูดราคานั้น เสนอราคากันไปมา จนพวกเรามีความรู้สึกว่าไม่ค่อยปลอดภัยน่ะค่ะ ( กลัวจะมีการทะเลาะตบตี แต่หากเกิดเหตุการณ์แบบนั้นจริงๆเราก็ยังมีบ๊อบ ที่เป็นผู้ชายอยู่ในกลุ่ม )... จนกระทั่งมีคนนึงยอมลดราคาแบบสุดๆ ขั้นที่ว่าอีก 2 คนนั้นคงไม่ยอมลดราคาอีกแล้ว พวกเราเลยเลือกนั่งในรถของคนที่คิดราคาถูกที่สุดค่ะ ระยะเวลาจากสนามบินแห่งนี้ไปยังสนามบินอีกแห่งนึงนั้น ใช้เวลาถึง 40นาทีค่ะ ไกลมาก..!!!!! ลุงแกพาขับซิ่ง ทำเอาพวกเรานี่เสียวมาก ถึงแม้ว่าจะเปิดไฟตัดหมอก วิ่งบนไฮเวย์แล้ว แต่พวกเราก็เสียวว่า ลุงจะชนคนข้างหน้ามั้ยเนี่ย.....!!!!! ใจหายใจคว่ำค่ะ บรรยากาศรอบข้าง มีหมอกปนแสงสีส้มๆสลัวๆ เหมือนอยู่ใน Silent Hill เลย


                หลังจากที่มาถึงสนามบินนี้แล้ว สิ่งที่พวกเราทำต่อมาคือ หาของกินตามมินิมาร์ท มาม่าถ้วยนึงก็ยังดี ตอนนั้นคือหิวสุดๆแล้ว กว่าจะได้เช็คอินขึ้นเครื่องก็รอยันตี 5 ไปเลยน่ะสิเนี่ย ประสบการณ์ครั้งแรกเลยที่ถูก cancel ไฟล์ทไปต่อหน้าต่อตากะทันหัน พวกเราผลัดกันนอนค่ะ ไพ่ไม่เล่นมันละ เฝ้าของ เอาจริงๆนอนไม่หลับค่ะ ระแวงกันไปเองทั้งนั้น หลับๆตื่นๆวนไปวนมาจนกระทั่งเค้าเรียกให้พวกเราไปเช็คอินขึ้นเครื่อง พอขึ้นเครื่องเสร็จก็ขอหลับจริงจังไปเลยอ้ะ ตอนนั้นสภาพไม่ไหวแล้ว…. พวกเราบินกลับมาถึงเซี่ยงไฮ้ประมาณ 11โมงครึ่ง ตอนนั้นต้องรีบวิ่งไปรถไฟใต้ดินกลับมหาลัยแล้วค่ะ เพราะระยะทางจากสนามบินกลับไปมหาลัยก็ไกลเอามากๆ ถึงมหาลัยประมาณเที่ยงครึ่ง พวกเราก็รีบเดินจ้ำๆกลับห้อง อาบน้ำแต่งตัว แล้วไปเรียนต่อทันที ( โหดไปไหน 5555 )…. ถามว่า เพื่อนๆในห้องถามมั้ยว่าพวกเราเพิ่งกลับมาหรือเปล่า คำตอบคือ แน่นอนค่ะ 5555  /// ถ้าอยากรู้ว่ามาเรียนทำไมน่ะหรอ มาเพื่อมาเอาคะแนน attendant ล้วนๆจ้า


เหมือนทริปนี้นอกจากจะชะโงกแล้ว ก็ยังเจอแต่อะไรก็ไม่รู้แปลกๆใหม่ๆทั้งนั้น ถือว่าเป็นประสบการณ์ใหม่ที่เข้ามาในชีวิตเลย