Ads

วันพฤหัสบดีที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

[ไดอารี่]แชร์บอกเล่าประสบการณ์ที่เคยไปทัศนศึกษาแลกเปลี่ยนระยะสั้นที่ประเทศนิวซีแลนด์ part 1 (ตอนนั้นอยู่ ม.4 ค่ะ)

Get to know …


สวัสดีค่ะ ในบล็อกนี้นะคะ เจจะเล่าเรื่องถึงจุดเริ่มต้นที่ว่าทำไมเจอยากเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มมากขึ้นและรวมถึงจะให้ทำความรู้จักกับโครงการเยาวชนยูซีอี  UCE แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมด้วยค่ะ


โครงการ UCE ( Universal Cultural Exchange ) คือ โครงการที่รับนักเรียนไทยที่อายุตั้งแต่วัยประถมจนถึงวัยมัธยมปลาย (แต่วัยมหาลัยก็ไปได้นะคะเพียงแค่ขอให้เป็นช่วงที่มีเวลาไม่กระทบเทอมค่ะ) ใช้ชีวิตที่ต่างประเทศในระยะสั้น และเหมาะสำหรับคนที่ต้องการหาประสบการณ์ในการเริ่มเรียนภาษาอังกฤษและวางแผนจะไปใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศระยะยาวในอนาคตค่ะ ( AFS YFU Oversea มันก็ต้องไปอยู่ที่นั่นถึง 1 ปีเลยทีเดียว ) ระยะเวลาที่ไปอยู่ที่ต่างประเทศจะอยู่ระหว่าง 3 สัปดาห์ถึง 1 เดือนค่ะ และจะต้องมีการสอบข้อเขียนและสอบสัมภาษณ์แบบง่ายๆก่อนไปต่างประเทศ  http://www.uce2012.com/  (ลิงค์อาจเก่าแล้ว แนะนำให้เอาชื่อองค์กรไปเสิร์จน่าจะเจอค่ะ)


เริ่มต้นกันเลยค่ะ เจเรียนโครงการภาคภาษาอังกฤษตั้งแต่มัธยมต้น เรียนมาเรื่อยๆแล้วรู้สึกว่าจะอยากเรียนอินเตอร์ต่อไปรึเปล่า จนกระทั่งมีครูที่สอนพิเศษมายื่นข้อเสนอลองให้เจมาสมัครสอบภาษาอังกฤษของโครงการ UCE ดู นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของเจเลยค่ะ.. เจเลยไม่รีรอลองสมัครสอบ เค้ามีให้เลือก 4 ประเทศ มีออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อังกฤษ และแคนาดาค่ะ แต่เจเลือกนิวซีแลนด์ค่ะ (ที่เลือกเพราะว่ามันเปิดรับคนมากที่สุด และเจกลัวสอบไม่ติดค่ะ 555 ) ข้อสอบจะมีทุกทักษะเลยค่ะ ฟัง พูด อ่าน และเขียนค่ะ  ลืมบอกไปใครเรียนสายวิทย์คณิต ไม่ใช่เด็กห้องสายภาษาก็สามารถสอบได้นะคะ ข้อสอบก็จะเป็นเหมือนข้อสอบภาษาอังกฤษทั่วๆไปค่ะ (เด็กไทยอย่างพวกเราสอบเย้อะ เยอะ คงจะผ่านจนคุ้นหูคุ้นตากันเนอะ) พวกแกรมม่า คำศัพท์ errorแก้ส่วนผิด เขียน essay ก็มีประปลายค่ะ ในส่วนของการสอบพูด เจแนะนำให้ฝึกการแนะนำตัวเองแบบง่ายๆค่ะ หัดแนะนำบ้านเกิดเมืองเกิด สิ่งที่สนใจ ความรู้รอบตัวก็ต้องท่องมานิดนึง และรวมถึงหัดพูด dialog เกี่ยวกับการให้ความคิดเห็นค่ะ

( แนะนำว่าให้ฝึกซ้อมภาษาอังกฤษแบบพื้นฐานเบสิกที่ใช้ในชีวิตประจำวันเตรียมไว้ เนื่องจากว่าเราต้องไปใช้ชีวิตอยู่กับโฮสแฟมิลี่ที่เป็นชาวต่างชาติค่ะ และเราไม่ควรพูดภาษาไทยต่อหน้าพวกเค้านะคะ เพราะพวกเค้าอาจจะเข้าใจผิดว่าเรานินทาพวกเค้าก็เป็นได้ค่ะ )



จนกระทั่ง เจสอบติดแล้ว !!! (ตอนนั้นคือแบบ โอ๊ย ดีใจอ้ะแกรรรร !!!) ^_^  พ่อแม่ก็ดีใจแล้วก็ให้ไปค่ะเนื่องจากเห็นถึงความพยายามในตัวเจเอง 555555555 จากนั้นทางองค์กรจะส่งจดหมายให้เราขึ้นไปปฐมนิเทศที่กรุงเทพค่ะ เจบินไปกรุงเทพไปเข้าค่ายกับทางโครงการค่ะ เตรียมความพร้อม จะมีกลุ่มนักเรียนหลายๆคนจากหลายๆจังหวัดที่สอบติดเหมือนเจไปรวมตัวกันที่นั่นหลายร้อยคนเลยค่ะ เบื้องต้นเค้าจะให้เราฟังประสบการณ์จากพี่ๆรุ่นก่อนๆที่เคยร่วมโครงการนี้ เค้าจะเล่าเรื่อง ให้คำแนะนำ วัฒนธรรม สิ่งที่วรและไม่ควร และอื่นๆค่ะ หลังจากที่ฟังจบ เค้าจะทำการแบ่งกลุ่มค่ะ กลุ่มนี้ไปประเทศนี้ กลุ่มนั้นไปประเทศนั้น บลาๆๆ จากนั้นเราจะได้ไปเจอกับเพื่อนร่วมทริปที่จะบินไปเมืองเดียวกัน ในกลุ่มของเจจะมีทั้งหมด 20 คนค่ะ ในเวลานั้นให้ทำความรู้จักกับเพื่อนๆเอาไว้นะคะ ตอนนั้นก็แลกเฟสบุ๊ค อีเมล เบอร์โทร MSN กัน (สมัยนั้น MSNดังสุดแล้ว) คุยเรื่องรายละเอียดที่เราจะไปทำกิจกรรมและเตรียมการแสดงของไทยๆเล็กๆน้อยๆด้วยค่ะ (ต้องมีส่วนร่วมทุกคนจ้า) ในการบินไปต่างประเทศไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ จะมีครูไทยเป็นที่ปรึกษาบินไปดูแลพวกเราด้วย 1 ท่านค่ะ ฉะนั้น พ่อแม่คนไหนที่เป็นห่วงลูกๆหลานๆก็หมดห่วงได้เลย ^___^ หลังจากเข้าค่าย เจบินกลับบ้านที่ภูเก็ต แล้วต่อมาก็แพคกระเป๋าแล้วก็เตรียมตัวติดปีกบินลงใต้ของโลกเลยค่า ·><


เนื่องจากช่วงที่ไปเป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิ(เดือนตุลาคมที่นิวซีแลนด์) อากาศจะอยู่ที่ 15-20องศา แต่ก็เย็นสำหรับคนไทยซะส่วนมาก ดังนั้น สิ่งที่ต้องเตรียมนะคะ

1.   ของเหลวของใช้ส่วนตัว

2. เสื้อลองจอน หรือ ฮีตเทค อันนี้สำคัญมากค่ะ ช่วยได้มากเลย เป็นเสื้อใส่ด้านในเพื่อทำให้ร่างกายอบอุ่นตลอดเวลา

3. เสื้อลำลองทั่วไปสำหรับ 1 สัปดาห์พอค่ะ จากนั้นก็ใส่ชุดหมุนเวียนค่ะ ซักผ้าในบ้านโฮสก็ได้ แต่ตามจริงช่วงนั้นอากาศเย็น เหงื่อเราไม่ค่อยออก บางทีก็แขวนแล้วใส่ต่อได้นะคะ

4. ถุงเท้าขนแกะ ถุงเท้าขนหนาๆ รองเท้าผ้าใบ (เพราะมันคล่องตัวสุด)

5. เสื้อกันหนาวค่ะ อันนี้สำคัญมากนะคะ ถึงแม้เราจะชอบที่หนาวให้ตายขนาดไหน แต่ที่สำคัญคือ รักษาสุขภาพ ทำให้ร่างกายอบอุ่นจะดีกว่าค่ะ ยิ่งเมืองที่เป็นชานเมืองจะหาคลินิกค่อนข้างยากและรถโดยสารจะไม่เยอะเลย

6. อุปกรณ์ใช้ในการเรียน พวกสมุดปากกาดินสอกระดาษไรงี้เอาไปก็ดีค่ะ

7. ของฝากติดตัวเล็กๆน้อยๆให้โฮสแฟมิลี่ ยิ่งถ้าเป็นของทำมือเองยิ่งดีเลยค่ะ ฝรั่งมักจะชอบหากเราทำด้วยใจ

8. พวก skin care หรือครีมรกแกะ แนะนำให้เป็นยี่ห้อของต่างประเทศนะคะ เพราะครีมที่พวกแบรนด์ไทยพอเอาไปใช้ที่นั่นแล้วแทบไม่ช่วยอะไรเลย ( พูดง่ายๆบ้านเรามันเมืองร้อน ) ครีมที่อยากแนะนำก็เป็นจำพวกครีมฮิมาลายาของอินเดียน่ะค่ะ ใช้ดีมาก ไม่เหนอหนะมากด้วย และช่วยรักษาความชุ่มชื่นได้ดีพอสมควรเลย

9. ยารักษาโรค (พวกยาสามัญแบบยาพารา ยาแก้ไข้ ยาแก้ท้องเสียน่ะค่ะ) รวมถึงยาโรคประจำตัว

10. เงินสดค่ะ สำคัญมากๆ (บัตรเอทีเอ็มที่ใช้กดต่างประเทศพกไปกันฉุกเฉินได้ แต่ไประยะสั้นแบบนี้นนำเป็นเงินสดจะดีกว่าค่ะ เพราะบัตรมีค่าธรรมเนียมค่อนข้างแพงเลย) อีกอย่าง ฝรั่งไม่มีวัฒนธรรมออกเงินให้แบบคนเอเชียอย่างเราค่ะ อยากได้อะไรต้องจ่ายตังเองนะคะ ( บ้านเค้า 12-13ปี ทำงานพาร์ททามกันแล้ว)

11.  โทรศัพท์พกได้นะคะ แต่ใช้ตอนที่เป็นเวลาส่วนตัวจะดีที่สุดค่ะ

      12.   หากใครเตรียมพวกผงเครื่องปรุงทำอาหารสำเร็จรูปไป แนะนำให้แจ้งอาจารย์ที่ร่วมทริปกับเราด้วยนะคะ เพราะของนำเข้าบางอย่าง รวมถึงของที่ทำมาจากสัตว์ บางทีประเทศนี้จะไม่ให้เอาเข้าไปค่ะ



***ปล. ทางโครงการจะมีการให้เรากรอกประวัติส่วนตัวรวมถึงการแนะนำตัวคร่าวๆเพื่อประกอบกับการตัดสินใจของโฮสแต่ละบ้านที่จะรับเราเข้าไปอยู่ด้วยค่ะ โดยในใบสมัครของโครงการจะมีช่องให้เราเขียนบรรยายเกี่ยวกับตัวเรา แนะนำว่าเขียนให้กระชับ เข้าใจง่าย ได้ใจความ ไม่จำเป็นต้องใช้ภาษายากๆค่ะ และต้องเขียนให้ชัดเจน พยายามใส่งานอดิเรกที่ไม่ใช่เล่นแชทเล่นอินเตอร์เน็ต เจแนะนำว่าให้ใส่งานอดิเรกที่แบบว่าเล่นกีฬา เล่นดนตรี ทำอาหารหรืออะไรก็ได้ที่เป็นกิจกรรมทักษะน่ะค่ะ เพราะว่ามันจะบ่งบอกถึงไลฟสไตล์ของเราไปด้วยว่าเราเป็นคนแบบไหน ชอบทำอะไรเป็นงานอดิเรก และเป็นคนชอบเข้าสังคมหรือชอบอยู่คนเดียว ไหนๆการไปครั้งนี้มันก็เป็นระยะสั้น เจเลยอยากให้มันคุ้มค่าที่สุดค่ะ และง่ายต่อองค์กรที่จะจับคู่เรากับโฮสแฟมิลี่ได้ง่ายขึ้นค่ะ



***สำหรับใครที่ไม่ทานเนื้อ เนื้อวัว เนื้อแกะ แนะนำให้ระบุเจาะจงไปค่ะว่าเป็น beef, lamp ไม่ใช่ meat นะคะ.. เพราะ meat รวมถึงเนื้อไก่เนื้อหมู เค้าอาจจะตีความได้ว่าเราเป็นมังสวิรัติโดยปริยายเลย

สิ่งที่อยากจะแนะนำเพิ่มเติมนะคะ

1.   เราต้องกล้าที่จะเข้าไปทักทายกับชาวต่างชาติก่อน พูดง่ายๆเป็นฝ่ายเข้าหาก่อนค่ะ เพราะวัฒนธรรมฝรั่งเค้าไม่ค่อยจะเป็นฝ่ายเข้ามาหาเราก่อนแบบคนเอเชียค่ะ ฉะนั้นหากอยากได้เพื่อนมากขึ้น ควรด้านได้อายอดเข้าไปทักค่ะ

2. พยายามใช้ชีวิต ใช้เวลาอยู่กับพวกเค้าให้มากที่สุด เนื่องจากไปอยู่ที่นั่นแค่ระยะสั้น ขอให้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ให้มากที่สุดค่ะ

3. ปรับตัวเรื่องการทานอาหาร มื้อเช้าอาหารจะเบาเอามากๆค่ะ มีแค่ซีเรียส ผลไม้ ขนมปัง เนย แยม เท่านั้นค่ะ (ที่ไทยรู้เลยพวกเรากินที กินอลังการงานสร้าง) มื้อกลางวันมักจะเป็นพวกขนมปังแซนวิช นม น้ำผลไม้ ส่วนมื้อเย็นจะเป็นมื้อหนักค่ะ (ซึ่งคนไทยเราไม่ค่อยทานเยอะตอนค่ำอยู่แล้ว)

4. ถ้าเป็นไปได้ ควรทานอาหารให้หมดจานทุกมื้อจะยิ่งดีค่ะ เพราะที่ต่างประเทศค่าครองชีพแพงมาก ฝรั่งมักจะเป็นคนคิดไต่ตรองทุกๆครั้งก่อนที่จะควักเงินจ่าย เรื่องอาหารการกินก็เช่นกันค่ะ พวกเค้าจะเสียดายเอามากๆหากเราทานอาหารไม่หมดจานค่ะ

5. หากเราชอบอะไรไม่ชอบอะไร ทานมากทานน้อย ให้บอกพวกเค้าตรงๆค่ะ เพราะพวกเค้าจะได้รับทราบ และจะไม่ทำให้เกิดเช่นนั้นอีกค่ะ

6. การตรงต่อเวลา สำคัญที่สุดค่ะ หากนัดใครไว้ ควรไปก่อนเวลาสัก 10-15นาที หรือหากขออนุญาตให้ไปเล่นข้างนอกหรือเล่นที่บ้านเพื่อน ถ้านัดพวกเค้าว่ากลับเวลาไหน ไม่ควรกลับบ้านเลทเลยนะคะ

7. ไม่ควรพูดภาษาไทยต่อหน้าพวกเค้าค่ะ เพราะเค้าอาจนึกว่าเรากำลังนินทาค่ะ


เดี๋ยวเจจะมาเล่าต่อในบล็อกถัดไปนะคะ สำหรับบล็อกพาร์ทแรก มีเท่านี้ค่า



JJDiary




4 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ24 พฤษภาคม, 2563 09:14

    โครงการนี้เหมือนหนูเคยได้ยินอยู่ค่ะ รู้สึกเดี๋ยวนี้เปลี่ยนเป็นชื่อ ECE แล้วมั้ง หนูอยากไปมากเลย แต่มันก็กล้าๆกลัวๆ บล๊อกพี่เจให้คำแนะนำได้เห็นภาพมากค่ะ จะรออ่านต่อนะคะ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. กำลังทยอยเขียนค่ะ พยายามระลึกชาติที่พอจะจำได้ 555

      ลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ31 พฤษภาคม, 2563 08:07

    ถ้าหนูไปแบบพี่ เปิดโรมมิ่ง จะโอเคมั้ยคะ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ไประยะสั้นแค่นี้แนะนำให้ซื้อซิมแบบเติมเงินใช้ ไม่ก็ใช้วายฟายจะดีกว่าค่ะ โรมมิ่งแพง เพราะโยมากเราอยู่กับเพื่อนๆ และโฮสแฟมิลี่ ไม่ได้อยู่คนเดียวอยู่แล้ว

      ลบ