Get to know …
สวัสดีค่ะ ในบล็อกนี้นะคะ เจจะเล่าเรื่องถึงจุดเริ่มต้นที่ว่าทำไมเจอยากเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มมากขึ้นและรวมถึงจะให้ทำความรู้จักกับโครงการเยาวชนยูซีอี UCE แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมด้วยค่ะ
โครงการ UCE ( Universal Cultural Exchange
) คือ
โครงการที่รับนักเรียนไทยที่อายุตั้งแต่วัยประถมจนถึงวัยมัธยมปลาย (แต่วัยมหาลัยก็ไปได้นะคะเพียงแค่ขอให้เป็นช่วงที่มีเวลาไม่กระทบเทอมค่ะ)
ใช้ชีวิตที่ต่างประเทศในระยะสั้น และเหมาะสำหรับคนที่ต้องการหาประสบการณ์ในการเริ่มเรียนภาษาอังกฤษและวางแผนจะไปใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศระยะยาวในอนาคตค่ะ
( AFS
YFU Oversea
มันก็ต้องไปอยู่ที่นั่นถึง 1 ปีเลยทีเดียว ) ระยะเวลาที่ไปอยู่ที่ต่างประเทศจะอยู่ระหว่าง
3
สัปดาห์ถึง 1 เดือนค่ะ และจะต้องมีการสอบข้อเขียนและสอบสัมภาษณ์แบบง่ายๆก่อนไปต่างประเทศ http://www.uce2012.com/ (ลิงค์อาจเก่าแล้ว แนะนำให้เอาชื่อองค์กรไปเสิร์จน่าจะเจอค่ะ)
เริ่มต้นกันเลยค่ะ
เจเรียนโครงการภาคภาษาอังกฤษตั้งแต่มัธยมต้น
เรียนมาเรื่อยๆแล้วรู้สึกว่าจะอยากเรียนอินเตอร์ต่อไปรึเปล่า
จนกระทั่งมีครูที่สอนพิเศษมายื่นข้อเสนอลองให้เจมาสมัครสอบภาษาอังกฤษของโครงการ UCE ดู นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของเจเลยค่ะ..
เจเลยไม่รีรอลองสมัครสอบ เค้ามีให้เลือก 4 ประเทศ มีออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อังกฤษ
และแคนาดาค่ะ แต่เจเลือกนิวซีแลนด์ค่ะ (ที่เลือกเพราะว่ามันเปิดรับคนมากที่สุด
และเจกลัวสอบไม่ติดค่ะ 555 ) ข้อสอบจะมีทุกทักษะเลยค่ะ ฟัง พูด อ่าน
และเขียนค่ะ ลืมบอกไปใครเรียนสายวิทย์คณิต ไม่ใช่เด็กห้องสายภาษาก็สามารถสอบได้นะคะ
ข้อสอบก็จะเป็นเหมือนข้อสอบภาษาอังกฤษทั่วๆไปค่ะ (เด็กไทยอย่างพวกเราสอบเย้อะ เยอะ
คงจะผ่านจนคุ้นหูคุ้นตากันเนอะ) พวกแกรมม่า คำศัพท์ errorแก้ส่วนผิด เขียน essay ก็มีประปลายค่ะ
ในส่วนของการสอบพูด เจแนะนำให้ฝึกการแนะนำตัวเองแบบง่ายๆค่ะ
หัดแนะนำบ้านเกิดเมืองเกิด สิ่งที่สนใจ ความรู้รอบตัวก็ต้องท่องมานิดนึง และรวมถึงหัดพูด
dialog
เกี่ยวกับการให้ความคิดเห็นค่ะ
(
แนะนำว่าให้ฝึกซ้อมภาษาอังกฤษแบบพื้นฐานเบสิกที่ใช้ในชีวิตประจำวันเตรียมไว้
เนื่องจากว่าเราต้องไปใช้ชีวิตอยู่กับโฮสแฟมิลี่ที่เป็นชาวต่างชาติค่ะ และเราไม่ควรพูดภาษาไทยต่อหน้าพวกเค้านะคะ
เพราะพวกเค้าอาจจะเข้าใจผิดว่าเรานินทาพวกเค้าก็เป็นได้ค่ะ )
จนกระทั่ง เจสอบติดแล้ว !!!
(ตอนนั้นคือแบบ โอ๊ย
ดีใจอ้ะแกรรรร !!!) ^_^ พ่อแม่ก็ดีใจแล้วก็ให้ไปค่ะเนื่องจากเห็นถึงความพยายามในตัวเจเอง
555555555 จากนั้นทางองค์กรจะส่งจดหมายให้เราขึ้นไปปฐมนิเทศที่กรุงเทพค่ะ
เจบินไปกรุงเทพไปเข้าค่ายกับทางโครงการค่ะ เตรียมความพร้อม จะมีกลุ่มนักเรียนหลายๆคนจากหลายๆจังหวัดที่สอบติดเหมือนเจไปรวมตัวกันที่นั่นหลายร้อยคนเลยค่ะ
เบื้องต้นเค้าจะให้เราฟังประสบการณ์จากพี่ๆรุ่นก่อนๆที่เคยร่วมโครงการนี้
เค้าจะเล่าเรื่อง ให้คำแนะนำ วัฒนธรรม สิ่งที่วรและไม่ควร และอื่นๆค่ะ
หลังจากที่ฟังจบ เค้าจะทำการแบ่งกลุ่มค่ะ กลุ่มนี้ไปประเทศนี้ กลุ่มนั้นไปประเทศนั้น
บลาๆๆ จากนั้นเราจะได้ไปเจอกับเพื่อนร่วมทริปที่จะบินไปเมืองเดียวกัน ในกลุ่มของเจจะมีทั้งหมด
20 คนค่ะ ในเวลานั้นให้ทำความรู้จักกับเพื่อนๆเอาไว้นะคะ
ตอนนั้นก็แลกเฟสบุ๊ค อีเมล เบอร์โทร MSN กัน (สมัยนั้น MSNดังสุดแล้ว) คุยเรื่องรายละเอียดที่เราจะไปทำกิจกรรมและเตรียมการแสดงของไทยๆเล็กๆน้อยๆด้วยค่ะ
(ต้องมีส่วนร่วมทุกคนจ้า) ในการบินไปต่างประเทศไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ จะมีครูไทยเป็นที่ปรึกษาบินไปดูแลพวกเราด้วย
1 ท่านค่ะ ฉะนั้น
พ่อแม่คนไหนที่เป็นห่วงลูกๆหลานๆก็หมดห่วงได้เลย ^___^ หลังจากเข้าค่าย เจบินกลับบ้านที่ภูเก็ต แล้วต่อมาก็แพคกระเป๋าแล้วก็เตรียมตัวติดปีกบินลงใต้ของโลกเลยค่า
·><
เนื่องจากช่วงที่ไปเป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิ(เดือนตุลาคมที่นิวซีแลนด์)
อากาศจะอยู่ที่ 15-20องศา แต่ก็เย็นสำหรับคนไทยซะส่วนมาก ดังนั้น
สิ่งที่ต้องเตรียมนะคะ
1.
ของเหลวของใช้ส่วนตัว
2. เสื้อลองจอน หรือ ฮีตเทค
อันนี้สำคัญมากค่ะ ช่วยได้มากเลย
เป็นเสื้อใส่ด้านในเพื่อทำให้ร่างกายอบอุ่นตลอดเวลา
3. เสื้อลำลองทั่วไปสำหรับ 1 สัปดาห์พอค่ะ
จากนั้นก็ใส่ชุดหมุนเวียนค่ะ ซักผ้าในบ้านโฮสก็ได้ แต่ตามจริงช่วงนั้นอากาศเย็น
เหงื่อเราไม่ค่อยออก บางทีก็แขวนแล้วใส่ต่อได้นะคะ
4. ถุงเท้าขนแกะ ถุงเท้าขนหนาๆ
รองเท้าผ้าใบ (เพราะมันคล่องตัวสุด)
5. เสื้อกันหนาวค่ะ
อันนี้สำคัญมากนะคะ ถึงแม้เราจะชอบที่หนาวให้ตายขนาดไหน แต่ที่สำคัญคือ
รักษาสุขภาพ ทำให้ร่างกายอบอุ่นจะดีกว่าค่ะ ยิ่งเมืองที่เป็นชานเมืองจะหาคลินิกค่อนข้างยากและรถโดยสารจะไม่เยอะเลย
6. อุปกรณ์ใช้ในการเรียน
พวกสมุดปากกาดินสอกระดาษไรงี้เอาไปก็ดีค่ะ
7. ของฝากติดตัวเล็กๆน้อยๆให้โฮสแฟมิลี่
ยิ่งถ้าเป็นของทำมือเองยิ่งดีเลยค่ะ
ฝรั่งมักจะชอบหากเราทำด้วยใจ
8. พวก
skin
care หรือครีมรกแกะ
แนะนำให้เป็นยี่ห้อของต่างประเทศนะคะ
เพราะครีมที่พวกแบรนด์ไทยพอเอาไปใช้ที่นั่นแล้วแทบไม่ช่วยอะไรเลย (
พูดง่ายๆบ้านเรามันเมืองร้อน ) ครีมที่อยากแนะนำก็เป็นจำพวกครีมฮิมาลายาของอินเดียน่ะค่ะ
ใช้ดีมาก ไม่เหนอหนะมากด้วย และช่วยรักษาความชุ่มชื่นได้ดีพอสมควรเลย
9. ยารักษาโรค
(พวกยาสามัญแบบยาพารา ยาแก้ไข้ ยาแก้ท้องเสียน่ะค่ะ) รวมถึงยาโรคประจำตัว
10. เงินสดค่ะ สำคัญมากๆ
(บัตรเอทีเอ็มที่ใช้กดต่างประเทศพกไปกันฉุกเฉินได้
แต่ไประยะสั้นแบบนี้นนำเป็นเงินสดจะดีกว่าค่ะ
เพราะบัตรมีค่าธรรมเนียมค่อนข้างแพงเลย) อีกอย่าง
ฝรั่งไม่มีวัฒนธรรมออกเงินให้แบบคนเอเชียอย่างเราค่ะ
อยากได้อะไรต้องจ่ายตังเองนะคะ ( บ้านเค้า 12-13ปี ทำงานพาร์ททามกันแล้ว)
11. โทรศัพท์พกได้นะคะ
แต่ใช้ตอนที่เป็นเวลาส่วนตัวจะดีที่สุดค่ะ
12. หากใครเตรียมพวกผงเครื่องปรุงทำอาหารสำเร็จรูปไป แนะนำให้แจ้งอาจารย์ที่ร่วมทริปกับเราด้วยนะคะ เพราะของนำเข้าบางอย่าง รวมถึงของที่ทำมาจากสัตว์ บางทีประเทศนี้จะไม่ให้เอาเข้าไปค่ะ
โครงการนี้เหมือนหนูเคยได้ยินอยู่ค่ะ รู้สึกเดี๋ยวนี้เปลี่ยนเป็นชื่อ ECE แล้วมั้ง หนูอยากไปมากเลย แต่มันก็กล้าๆกลัวๆ บล๊อกพี่เจให้คำแนะนำได้เห็นภาพมากค่ะ จะรออ่านต่อนะคะ
ตอบลบกำลังทยอยเขียนค่ะ พยายามระลึกชาติที่พอจะจำได้ 555
ลบถ้าหนูไปแบบพี่ เปิดโรมมิ่ง จะโอเคมั้ยคะ
ตอบลบไประยะสั้นแค่นี้แนะนำให้ซื้อซิมแบบเติมเงินใช้ ไม่ก็ใช้วายฟายจะดีกว่าค่ะ โรมมิ่งแพง เพราะโยมากเราอยู่กับเพื่อนๆ และโฮสแฟมิลี่ ไม่ได้อยู่คนเดียวอยู่แล้ว
ลบ