วันสุดท้ายของการเที่ยวปักกิ่งของพวกเราก็มาถึงแล้วนะคะ
พวกเราเหลือสถานที่ท่องเที่ยวอีก 2 ที่ที่พวกเราต้องมาชะโงก นั่นก็คือ
พระราชวังฤดูร้อน และ หอฟ้า นั่นเองนะคะ ทั้ง 2
สถานที่นี้เป็นสถานที่ที่พวกเราไมได้เข้าไปในส่วนลึกที่สุดนะคะ
เพราะเนื่องจากว่าค่าผ่านประตูแพงมากๆและต้องจ่ายหลายด่านต่อหลายด่านเอามากๆๆๆและมาก
ฉะนั้นพวกเราก็แค่ชะโงกส่วนหน้าก็พอค่ะ ตังไม่มีแล้ว….
ก่อนอื่นก็เช็คเอ๊าออกจากที่พักก่อนค่ะ
ทริปที่เหลือนี่ เที่ยวไปด้วย แบกกระเป๋าเดินทางไปด้วยทุกที่ บอกเลยว่า
ใครที่อยากลดน้ำหนักกำลังอ้วนๆอยู่เนี่ย ผอมแน่นอนอ้ะ 5555 …..
เริ่มจากนั่งรถไฟใต้ดินไปที่พระราชวังฤดูร้อนค่ะ
The Summer Palace นั่งไปไกลอยู่… พอไปถึงแล้ว พวกเราหลงทางกันอีกแล้วววว..!!!
…
เอ๊ะ แต่เหมือนมันก็ไม่เชิงหลงทางหรอก เค้าเรียกกันว่า มันมีทางเข้าหลายทางมากกว่า
ทางเข้าบางที่เจอสวนหย่อม ทางจุดเจอทะเลสาบ อะไรทำนองนั้นน่ะค่ะ เสียเวลาหาทางเข้านานอีกแล้ว
( ช่วงนั้นพวกรุกคนเริ่มปวดขาปวดเท้าด้วยน่ะค่ะ เพราะเดินเยอะทุกวันเลย ) ซึ่งแต่ละที่ค่าผ่านประตูก็แตกต่างกันไป
บอกตรงๆอ้ะ เห็นค่าผ่านประตูแล้วถึงกับยอมแพ้กันเลยอ้ะคนๆ
จ่ายแค่ค่าผ่านประตูสักที่แค่นั้นพอ เพราะเราก็มีเวลาไม่เยอะอยู่แล้วค่ะ
ได้ชำเลืองแค่ประมาณ 1 ชั่วโมง รูปนี่บอกเลยว่าไม่ได้ถ่ายอะไรกันเลยค่ะ เพราะพวกเรารีบมาก จากนั้นก็ต้องรีบไปอีกที่นึงแล้ว ( คงคอนเสบทัวร์ชะโงก )
颐和园 The summer palace พระราชวังฤดูร้อน
นั่งรถไฟใต้ดินไปลงสถานี 北宫门 สาย 4 ทางออก D ( สายรถไฟนี้เป็นสายรถไฟใหม่เหมือนเซี่ยงไฮ้
จะบอกป้ายทางละเอียดๆ ) แล้วเดินตามฟุตบาทยาวๆๆๆๆๆๆ จนกระทั่งเจอทางเข้า
สถานที่นี้หมดเวลาไป1วันเต็มๆเลยก็ว่าได้ มันกว้างมาก
แล้วแต่ละจุดภายในนั้นต้องเสียงตังเพิ่มด้วย
ไม่ใช่ว่าซื้อแค่บัตรเข้าแล้วจะเดินได้ทั่วทั้งหมด )
บัตรเข้าพระราชวังฤดูร้อน
อันนี้แค่ค่าเข้ารอบสวนเฉยๆ
แต่ถ้าอยากเข้าไปภายในวังหรือถนนส่วนอื่นในนั้นต้องเสียค่าเข้าเพิ่มเองนะ
ตอนนั้นก็รู้สึกว่าเป็นประมาณบ่ายโมงแล้วน่ะค่ะ
เราก็ต้องรีบไปที่หอฟ้า 天坛 กันแล้วค่ะ
เพราะสถานีรถไฟมันห่างกันมากๆ ( นั่งเป็นชั่วโมงอ้ะ
คือเชื่อแล้วที่คนเค้าบอกกันว่าปักกิ่งมันใหญ่จริงๆ ) แค่เวลาเดินทางก็หมดไปแล้ว …
ตลอดการเดินทางในวันนี้ คนจีนมองพวกเราเป็นตัวประหลาดอ้ะ 555
ลากกระเป๋าเดินทางเดินไปทั่ว
รีบเปิดวาร์ปไปที่หอฟ้าค่ะ เพราะเห็นว่าเค้าบอกว่ามันปิดบ่ายสามครึ่ง
( แต่ตอนนั้นแปลกนะ ยังเข้าได้อยู่ หรือเค้าหมายถึงเข้าได้เฉพาะส่วนหน้า
แต่ที่หอฟ้าอาจปิดไปแล้วก็เป็นได้ )
天坛 Temple of Heaven หอฟ้า
นั่งสาย 5 มาลงที่ 天坛东门 ทางออก A2 แล้วเลี้ยวขวา
ภายในนั้น
จะมีค่าเข้าชมสวน ชมหอฟ้า หออื่นๆด้วย
แต่ละที่เสียค่าเข้าแตกต่าง
ว่าง่ายๆคือ
ถ้าจะเข้าอันไหนต้องเสียค่า
อันนี้สถานที่จริงเป็นแบบนี้ แต่พวกเราไม่ได้เข้าไปค่ะ
อยู่ที่นั่นด้วยความที่พวกเราชะโงกแค่ส่วนด้านหน้าค่ะ
พวกเราก็เรื่อยเปื่อยค่ะ เห็นแต่คนมาออกกำลังกาย พาหมามาเดดินเล่น
คนแก่จับกลุ่มเล่นไพ่นกกระจอก เป็นต้น
วันนั้นฟ้าเริ่มมืดตะวันเริ่มลับขอบฟ้าช่วงบ่าย 4 โมงกว่าแล้ว
พวกเราเลยคิดว่า ไปสนามบินกันเถอะ จะได้ไม่ต้องรีบ ได้หาของกินแถวนั้นด้วย
เดินตามหลังพี่โตโย่อีกครั้งผู้เชี่ยวชาญด้านการหา airport bus …
เดินเป็นกิโลๆอีกแล้วค่ะ เปิด Baidu แผนที่จีนเดินตามไปเรื่อยๆค่ะ
พอพวกเราได้นั่งในรถแล้ว รู้สึกสบายมาก ได้พักขาสมใจอยาก
จากที่พวกเราไมได้พักขามานานแสนนาน….
นั่งไปประมาณครึ่งชั่วโมงได้มั้ง ช่วงนั้นก็ 5 โมงกว่าๆแล้ว
พวกเราก็มุ่งหน้าไปเช็คอินพลางๆค่ะ แต่แล้วก็มีเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึง… นั่นก็คือ
พนักงานบอกว่า กระเป๋าของพี่โตโย่และของชมพู่ไม่อนุญาตให้ carry on เอาขึ้นเครื่อง
บังคับโหลดใต้เครื่องเท่านั้น และเนื่องจากว่าจองมาไม่มีน้ำหนัก จะต้องจ่ายให้เค้า
60 หยวน (
ด้วยความที่พวกเราไม่ได้เก่งภาษาจีนกันมาก
ตอนจองให้แอพมันทรายสเลดแปลภาษาบางทีก็แปลผิดแปลถูก
แล้วมันเป็นโปรโมชั่นอารมซื้อตั๋วพร้อมกันได้ส่วนลดด้วยอะไรทำนองนั้นแหละมั้งนะ )
ทำให้ทั้งคู่ต้องยอมจ่ายค่าโหลดกระเป๋าใต้เครื่องไป…
ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรมากค่ะ ถือว่า ขอให้ได้กลับ เพราะคิดถึงหอพักที่มหาลัยเซี่ยงไฮ้กันแล้ว….
อยากอาบน้ำอุ่นๆสุดๆ
ไฟล์ทของพวกเราบินสามทุ่มกว่าๆ ค่ะ
พวกเราก็นั่งเล่นไพ่ฆ่าเวลากันจนกระทั่งพนักงานเรียกให้ขึ้นเครื่องได้ …แต่แล้วก็เกิดเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงอีกแล้ว…!!!!
นั่นคือ
ไฟล์ทพวกเรา โดน cancel ณ ตอนนั้นเลย.....!!!!! เพราะว่าหมอกจัดมันเพิ่งลงกะทันหันตอนนั้นจริงๆค่ะ.....!!!!! พวกเรานี่ถึงขั้นที่ต้องไปดูที่หน้าต่างพร้อมๆกันซึ่งหมอกหนาจริงขึ้นมองอะไรไม่เห็นเลย พวกเราก็ได้แต่คิดมาก เครียด เครียดเหลือเกิน
เพราะวันพรุ่งนี้บ่ายพวกเราทุกคนมีเรียนกันด้วยน่ะสิ …!!!!! ตอนนั้นคนจีนแต่ละคนเสียงดังมาก
เหมือนในข่าวประท้วงเลยค่ะ.....!!!!! อารมประมาณว่าสายการบินต้องทำการชดใช้ พวกเราก็เห็นใจพนักงานแอร์นะ แต่พวกเค้าก็เก็บอารมกัน
พวกพนักงานชดใช้ให้พวกเราโดยการซื้อตั๋วให้ใหม่รอบ 8
โมงเช้าวันรุ่งขึ้น พร้อมน้ำหนักกระเป๋า 20 กิโล เมื่อพวกเราได้ตั๋วใหม่แล้ว ….สิ่งที่พวกเราต้องทำต่อมา
ก็คือ ...การที่ต้องมาหารถแท็กซีไปที่สนามบินอีกแห่งนึง..!!!! (
ที่ปักกิ่งสนามบินมี 2 แห่งค่ะ แห่งที่พวกเราอยู่ตอนนี้มีขนาดที่เล็กมาก
เล็กเหมือนสนามบินภูเก็ตตอนที่ยังไม่ต่อเติม ส่วนสนามบินอีกแห่งนั่นใหญ่มากๆ
อารมสุวรรณภูมิค่ะ )... และแล้ว เมื่อกลุ่มคนจีนหลายๆคนโวยวายออกมาข้างนอกเพื่อนที่จะต้องมาหารถไปสนามบินอีกแห่งเหมือนพวกเรา ทำให้เหล่าคนขับรถแท็กซีเถื่อน ออกมาทำมาหากิน
อีกแล้ว..!!!! มาแย่งเกาะแขกกันเป็นแถบๆเลย คือ ตอนนั้นรู้สึกแย่มาก
เพราะแถวนั้นรถเมล์ก็ไม่มี แล้วมันก็ดึกเกินไปที่จะมีรถเมล์วิ่งไปมาด้วย....!!!!!
คนขับรถแท็กซีเหล่านั้นรู้ว่าพวกเราไม่ใช่คนพื้นที่
รู้สึกว่าจะมีประมาณ 3 คนค่ะที่มาดักพวกเรา.....!!!! ต่างคนต่างแข่งกันลดราคา
คนนี้พูดราคานี้คนนี้พูดราคานั้น เสนอราคากันไปมา จนพวกเรามีความรู้สึกว่าไม่ค่อยปลอดภัยน่ะค่ะ
( กลัวจะมีการทะเลาะตบตี แต่หากเกิดเหตุการณ์แบบนั้นจริงๆเราก็ยังมีบ๊อบ
ที่เป็นผู้ชายอยู่ในกลุ่ม )... จนกระทั่งมีคนนึงยอมลดราคาแบบสุดๆ ขั้นที่ว่าอีก 2
คนนั้นคงไม่ยอมลดราคาอีกแล้ว พวกเราเลยเลือกนั่งในรถของคนที่คิดราคาถูกที่สุดค่ะ ระยะเวลาจากสนามบินแห่งนี้ไปยังสนามบินอีกแห่งนึงนั้น
ใช้เวลาถึง 40นาทีค่ะ ไกลมาก..!!!!! ลุงแกพาขับซิ่ง ทำเอาพวกเรานี่เสียวมาก
ถึงแม้ว่าจะเปิดไฟตัดหมอก วิ่งบนไฮเวย์แล้ว แต่พวกเราก็เสียวว่า
ลุงจะชนคนข้างหน้ามั้ยเนี่ย.....!!!!! ใจหายใจคว่ำค่ะ บรรยากาศรอบข้าง
มีหมอกปนแสงสีส้มๆสลัวๆ เหมือนอยู่ใน Silent Hill เลย
หลังจากที่มาถึงสนามบินนี้แล้ว สิ่งที่พวกเราทำต่อมาคือ
หาของกินตามมินิมาร์ท มาม่าถ้วยนึงก็ยังดี ตอนนั้นคือหิวสุดๆแล้ว กว่าจะได้เช็คอินขึ้นเครื่องก็รอยันตี
5 ไปเลยน่ะสิเนี่ย ประสบการณ์ครั้งแรกเลยที่ถูก cancel ไฟล์ทไปต่อหน้าต่อตากะทันหัน
พวกเราผลัดกันนอนค่ะ ไพ่ไม่เล่นมันละ เฝ้าของ เอาจริงๆนอนไม่หลับค่ะ
ระแวงกันไปเองทั้งนั้น
หลับๆตื่นๆวนไปวนมาจนกระทั่งเค้าเรียกให้พวกเราไปเช็คอินขึ้นเครื่อง
พอขึ้นเครื่องเสร็จก็ขอหลับจริงจังไปเลยอ้ะ ตอนนั้นสภาพไม่ไหวแล้ว….
พวกเราบินกลับมาถึงเซี่ยงไฮ้ประมาณ 11โมงครึ่ง
ตอนนั้นต้องรีบวิ่งไปรถไฟใต้ดินกลับมหาลัยแล้วค่ะ
เพราะระยะทางจากสนามบินกลับไปมหาลัยก็ไกลเอามากๆ …
ถึงมหาลัยประมาณเที่ยงครึ่ง พวกเราก็รีบเดินจ้ำๆกลับห้อง อาบน้ำแต่งตัว
แล้วไปเรียนต่อทันที ( โหดไปไหน 5555 )…. ถามว่า
เพื่อนๆในห้องถามมั้ยว่าพวกเราเพิ่งกลับมาหรือเปล่า คำตอบคือ แน่นอนค่ะ 5555
เหมือนทริปนี้นอกจากจะชะโงกแล้ว ก็ยังเจอแต่อะไรก็ไม่รู้แปลกๆใหม่ๆทั้งนั้น ถือว่าเป็นประสบการณ์ใหม่ที่เข้ามาในชีวิตเลย