สิ่งที่เกิดขึ้นกับพวกเราคือ … พวกเราทุกคน
หลับ สนิท เป็น ตาย กัน หมด ..!!!!!! จนกระทั่งมีแค่พี่โตโย่แกสะดุ้งตื่นคนเดียว
ตอนนั้น 8โมงครึ่งแล้ว แกตบมือดังลั่นมาก ปลุกพวกเรา
พวกเราสามคนที่เหลือนี่ก็สะดุ้งตื่นสิ ..!!! โอยยย
ตายแล้วๆๆๆ รีบๆๆๆ รีบแต่งตัวน้ำไม่อาบมันแล้ว หนาวก็หนาว
ล้างหน้าแปรงฟันเป็นอันพอ ….แล้วรีบลงไปหาไรกินเพื่อเดินย้อนไปที่ Deshengmen
德胜门 เพื่อรอขึ้นรถเมล์ค่ะ ( ถ้าหากไม่หาอะไรกินก็ไม่มีแรงกันพอดี )….
บอกตรงๆเลยว่า ตอนนั้นต่างคนต่างลนสุดจริง คือเสียเวลามากกกกกก…. รู้สึกผิดที่พวกเราลืมตื่น
คือมันเพลียจากวันแรกจริงๆ - -‘’ แทนที่จะได้ไปเต็มวัน
นี่เหมือนกับเรากำลังจะเสียเวลาครึ่งวันเช้าไปเลย….
ป้อมปราสาทจีน
จุดที่มีรถเมล์พาไปส่งถึงกำแ
เราจะต้องนั่งรถสาย 919 ไปลงสถานีที่ชื่อว่า 八达岭
ตอนนั้นระหว่างที่พวกเรากำลังขึ้นรถเมล์ไปกำแพงเมืองจีน
ก็มีเหล่าแท็กซีมาดักพวกเราเป็นแถบๆ คงรู้ว่าพวกเราเป็นนักท่องเที่ยว
ราคานี่ฟันอย่างโหดมาก นั่งรถเมล์นี่ถูกกว่าเย้อะ บอกเลย….
นั่งจนแทบจะหลับในรถได้แล้วมั้ง
ตั้งชั่วโมงครึ่งถึงสองชั่วโมงแน่ะ นานมาก….
จากนั้นพวกเราก็ได้มาถึงกำแพงเมืองจีนของจริงค่ะ
ตรงจุดขายบัตรผ่านประตูก็จะมีให้เลือกว่า จะซื้อแค่ค่าเข้าปกติ
หรือนั่งกระเช้าขึ้นไปข้างบนแล้วเดินลงมาเอง อ้อ…มีให้ซื้อไอสไลเดอร์ที่เอาไว้ลื่นลงมาด้วยโดยไม่ต้องเดิน
ทีแรกจะซื้อนะ.. แต่ตอนนั้นพวกเรา 4
คนคิดว่า ค่อยไปซื้อข้างบนก็ได้มั้ง…
จากนั้นก็ถึงเวลาฟิตกำลังขาของพวกเราปีนกำแพงเมืองจีนค่ะ
เอาจริงๆ ทีแรกไม่เข้าใจนะคะว่าทำไมต้องใช้คำว่า ‘‘ปีน’’ ….. พอได้ไปเท่านั้นแหละ…เข้าใจแล้ว ..!!! มองหาขั้นบันได…!!! ไหนล่ะ…!!! ไม่มี…!!!! มีแค่ราวจับด้านข้าง…!!!!
นี่ขนาดเดินป้อมแรกๆ มันชันม้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก …..
( ป้อมแรกทำเอาชมพู่หน้ามืดไปแล้วอ้ะ เหอะๆๆ ) ตอนนั้นแอบมีความรู้สึกในใจว่า
ลงไปซื้อบัตรนั่งกระเช้าลอยฟ้าดีมั้ยเนี่ย แต่ก็ เออว่ะ…
ลืมไป ทริปประหยัดนี่หว่า .. เดินก็เดิน เอ๊า…..ตอนเดินทีถึงกับต้องขอพักเบรกก่อน หายใจกันก่อน หอบกันเลยแต่ละคน
เจอตาลุงทำป้ายสลักกำแพงเมืองจีนขายของ
ไปถ่ายรูปกะลุงแกหน่อยละกัน 555
(ไปรบกวนลุงแกตอนแกทำงานอยู่อี๊กกก )
ระหว่างทาง
เจอคนจีนที่ชวนพวกเราโม้ ก็ดันไปขอถ่ายรูปกับเค้าอี๊กกกก 5555
จากนั้นก็เดินต่อ
ถ่ายรูปบ้าบอกันบ้าง อยากจะบอกว่าฝรั่งที่ไปเที่ยวที่นั่นงานดีม้ากกกก คนๆ (
ไม่ใช่แระ 5555 ^^ )
ตกเย็นตอนนั้นเริ่มเป็นเวลาประมาณ
5โมงเย็นกว่าๆได้แล้วแหละ
ทีแรกว่าจะลื่นไอสไลเดอร์ที่เป็นขบวนรถไฟลงมา แต่ว่า…
ฤดูหนาว ช่วงนี้ เค้าปิดให้บริการ ตั้งแต่ บ่ายสองโมงครึ่งแล้ว ..!!!! โอ้แม่ จ้าววววววว…!!!! ปิดไวอะไรเยี่ยงนี้คะคุณพี่….!!!!!
ทำอะไรไมได้แล้วววว ต้องรีบเดินลงมาแล้ว
ไม่งั้นฟ้ามืดไม่มีรถกลับแน่ๆ !!!!
…. เรื่องเล่นๆ เริ่มจะไม่เป็นเรื่องเล่นๆแล้วค่ะ ณ จุดๆนี้ … ณ ตอนนั้นเหลือแค่พวกเรากับคนจีนไม่กี่หน่อ พวกเราทำได้แค่ไปที่ป้ายรถเมล์
ลุ้นหวังว่ารถคันถัดไปจะมา แล้วเริ่มมีแท็กซีเถื่อนตามมาตื๊อพวกเรา อีกแล้ว
แล้วมีการมาขู่ด้วยว่า ‘‘เธอรอให้ตายยังไงเดี๋ยวก็ไม่ได้กลับหรอกนะ
ฟ้าก็จะมืดแล้ว รถมันไม่มีแล้ว เชื่อฉันสิ ฉันคนพื้นที่ที่นี่รู้ดีกว่าใครๆ’’
… เอาจริงๆตอนนั้นพวกเรากลัวมากค่ะ กลัวว่าไม่มีรถกลับด้วย
ตอนนั้นรู้สึกว่ารอประมาณ 20นาทีหรือมากกว่านั้นนี่แหละ
คือรอนานมากจริงๆ ตอนนั้นรถเมล์แม้แต่คันเดียวก็ไม่มารับ !!! ( คิดในใจอ้ะว่าสงสัยคนพวกนั้นพูดคงเป็นความจริง ) จนกระทั่งตอนนั้นพวกเราเห็นคนจีน
คนที่ตกรถเหมือนพวกเรา เดินกลับไปทางเก่า ทางที่รถเมล์สาย 000 พาพวกเรามาส่งที่นี่น่ะค่ะ พูดง่ายๆก็คือ…ต้องเดดินย้อนไปนี่เอง
เอาล่ะว้า …. เป็นไงเป็นกันอ้ะ เดินก็เดินอ้ะ
ไม่มีทางเลือกแล้ว ฟ้ากำลังมืดลงเรื่อยๆด้วย… ระหว่างเดินก็โดนเหล่าคนขับแท็กซีเดินจี้หลังตามมา
พวกเราพยายามเดินหนีค่ะ แล้วพวกเค้าก็เดินตามมาไม่หยุด…. ยิ่งเดินก็แอบกลัวว่าจะหลงทางรึเปล่า
ข้างทางบ้านคนไม่มีสักหลัง ไฟฟ้าก็ไม่มี มีแต่ต้นไม้ ทุ่งนา ทุ่งหญ้า แค่นั้นเลย
เดินขึ้นลงเนินตามทางเดินไปเรื่อยๆ บางจังหวะก็วิ่งเอาค่ะ เหมือนอารมว่าพวกเราทั้ง
4 ต้องแข่กับเวลาจริงๆ เพื่อที่จะไปลุ้นว่า
ตรงจุดเปลี่ยนรถนั้นจะยังมีรถเมล์อีกรึเปล่า…….
เดินหลายสิบนาทีเลยค่ะ นานอยู่ จนกระทั่งพวกเราลงมาถึงจุดเปลี่ยนรถ..!!!! โอ๊ยย …ตอนนั้นน้ำตาแทบจะไหลค่ะ TT^TT ….นึกว่าจะมีแค่พวกเราที่ถูกทิ้ง ….โชคดีที่ไม่เปลี่ยวค่ะ เพราะที่นั่นก็ยังมีคนจีนกำลังรอรถเมล์คันถัดไปมารับเหมือนพวกเราเลยค่ะ
แต่เพียงแค่พวกเค้ามาถึงที่นี่ก่อนพวกเราแค่นั้นเอง รถมาประมาณ6โมงครึ่งได้ค่ะ ตอนนั้นฟ้ามืดสนิทแล้ว พอพวกเราได้นั่งในรถ ก็หลับไปเลยค่ะ….
หลังจากที่พวกเราลงจากรถเมล์ที่ป้อมปราสาทจีน
จุดแรกที่พวกเราขึ้นรถเมล์วันนี้ พวกเราก็เริ่มรู้สึกหิวแล้ว ต้องหาของกินด้วย
ตอนนั้นเป็นเวลาทุ่มกว่าเกือบสองทุ่ม ( รถไม่ติดเท่าตอนกลางวันค่ะ )
พวกเราเลยตัดสินใจจะไปที่ Qianmen
前门 เพราะเท่าที่หาข้อมูลว่ามันเป็นถนนคนเดิน
เลยคิดว่ามีของกินค่ะ
前门 Qianmen เฉียนเหมิน
นั่งสาย 2 ชื่อสถานี Qianmen ทางออก
C เลี้ยวซ้าย
(ทางมันจะโค้ง) จนกระทั่งเจอทางม้าลายให้ข้
เป็นถนนคนเดิน
คนส่วนมากจะเป็นชาวต่างชาติ
มีร้านขายของฝาก (ตอนกลางวันเป็นแบบนี้
ตอนนั้นที่พวกเราไปมันตอนกลางคืนน่อ)
แต่แล้วก็ไม่มีดวงช่วยพวกเราอีกแล้ว
เนื่องจากว่าตอนนั้นที่พวกเราได้ถามทางเพื่อนๆที่มาเที่ยวก่อนที่พวกเราก่อนจะบินมาที่นี่ในรอบนี้
เพื่อนๆบอกทางไม่ละเอียดค่ะ พวกเราเดินหลงแล้วหลงแล้ว
เที่ยวมองซ้ายมองขวาหาทางเข้าว่ามันอยู่ที่ไหนกันแน่ … ตอนนั้น
เจได้นัดอาจารย์ของเจที่อยู่เมืองปักกิ่งให้มาพบกันที่ Qianmen ด้วยค่ะ ตอนนั้นเสียเวลาไปประมาณ 15-20นาทีได้อยู่ที่กว่าจะเจอทางเข้าค่ะ
พอเข้าไปที่ Qianmen เริ่มเห็นร้านอาหารที่กำลังทยอยปิด และบางร้านก็ปิดไปแล้ว…!!!!
TT^TT แงงงง … จริงป่ะเนี่ยยยยย…!!!! จะได้หาของกินกันมั้ยเนี่ยยยยย…!!! เดินไปสักพัก
เจออาจารย์ในนั้นพอดี รู้สึกดีใจมากกกก ^^ เพราะเจก็ไมได้เจอจารย์แกมานานแล้วค่ะ
แกเอาของฝากมาให้พวกเราด้วยค่ะ…. อาจารย์เลยถามว่า
ทำไมนัดให้แกมาเจอที่นี่เวลานี้ ไปที่อื่นไม่ดีกว่าหรอ เพราะที่นี่มันจะปิดแล้วนะ….. ตอนนั้นพวกเราทั้ง 4 ถึงขั้นสตั๊นอ้ะ
ยืนค้างไปประมาณ 10 วิ (
ตอนนั้นยังสามทุ่มครึ่งอยู่เลย )… พวกเราเลยงง
สงสัยว่า อ้าว ทำไมหรอ ก็ย่านถนนคนเดินต้องเปิดตอนกลางคืนน่ะสิ…. อาจารย์เลยบอกว่า ที่นี่น่ะ หน้าหนาวอะไรๆก็ปิดไวนะ ปกติอ้ะ
เค้าปิดตั้งแต่สองทุ่มครึ่งสามทุ่มกันแล้ว ร้านอาหารกำลังทยอยเก็บครัวนะ จะทันหรอ
จะกินอะไรล่ะ ….. ถามเรื่องของกินมาเท่านั้นแหละ พวกเราทั้ง 4 คนตอบกันพร้อมเพรียงแบบประสานเสียงเลยว่า ‘‘เป็ด
ปัก กิ่ง!!!’’ ( มาปักกิ่งทั้ทีก็ต้องกินเป็ดปักกิ่งซี่ )…!!!!!
อาจารย์เลย ขำๆ นิดๆ แล้วบอกว่าเดี๋ยวจะลองไปต่อรองร้านให้ … ตอนนั้นพวกเรานี่ดีใจละ จะได้กินแล้วๆๆๆๆๆๆๆๆ ^^….
ตอนนั้น 21.45น. มีร้านนึงกำลังเก็บของ
แต่ไฟยังเปิดอยู่ ครูแกเลยเข้าไปขอร้องให้พร้อมอธิบายว่าพวกเราไม่เคยมาที่นี่
มาที่นี่ครั้งแรก อยากทานเป็ดปักกิ่ง จะยังขายให้อยู่มั้ย??
พ่อครัวแม่ครัวที่นั่นก็มองหน้ากันสักนิดแล้วพยักหน้าบอกจะทำให้พวกเรา
ตอนนั้นพวกเรานี่แทบกรี๊ดดดดดด !!!!! …. กราบงามๆสามที…. ในที่สุด อาหารค่ำอันโอชะมื้อนี้ก็ ได้กินแล้วววววว…!!!!!
北京烤鸭 มื้อนี้อร่อยฝุดๆ
^^
เป็ดร้อนๆหนังกรอบๆโอชารส
เหยาะน้ำจิ้ม ปรุงด้วยผักเพิ่มเติม ห่อตบท้ายด้วยแผ่นแป้ง อร้อยยยย อร่อย~~
เป็ดปักกิ่งเซ้ตนึงราคา 199หยวน อ้ะ.. ปัดเลขตีกลมๆไปเลยว่า 1,000บาทไทย
ขอบอกเลยว่า
เป็ดมันไม่ได้ใหญ่อย่างที่ค
ข้อดีของการกินเป็นเซ็ตคือ
ให้องค์ประกอบทุกอย่างครบคร
แต่ไหนๆก็มาเมืองต้นกำเนิดเป็ดปักกิ่งแล้ว ยอมกันสักหน่อยจะเป็นไรไป...
ได้เข้าถึงเมืองปักกิ่งเต็มตัวกันไปเลย ^^
ใส่ๆๆๆๆทุกอย่างลงในแป้ง
แล้วม้วนๆๆๆห่อๆๆๆ เอาเข้าปากได้เล้ยยย
ระหว่างกินก็โม้กันนิดๆหน่อยๆค่ะ
เพราะต้องรีบยัดรีบทำเวลา ระหว่างที่พวกเรากินอยู่อาจารย์แกก็แซวว่าพวกเรานี่
ซนนัก โดดหอ หนีเที่ยวระหว่างเรียน
ลงทุนบินมาถึงปักกิ่งเพื่อมากินเป็ดปักกิ่งโดยเฉพาะอีกนะ 5555
พอกินเสร็จ ก็ต้องรีบออกจากที่นี่แล้ว
ขั้นที่ยามเริ่มจะมาไล่พวกเราออกไป 555 สี่ทุ่มครึ่งได้แล้วมั้งตอนนั้น มืดสนิทแล้ว ฝนเริ่มตกปรอยๆนิดๆด้วย
พวกเราก็รีบอำลาอาจารย์แล้วส่วนพวกเราก็ต้องรีบกลับที่พักของพวกเรา … ตอนนั้นคิดว่า คงได้นั่งรถเที่ยวสุดท้ายแล้วมั้งคงทันแหละ … ก็เดินลงไปสถานีรถไฟใต้ดิน แล้วนั่งรถไฟใต้ดินตามปกติค่ะ….
นั่งรถไฟไปประมาณ 4-5 ป้ายได้ค่ะ
พวกเราก็ได้ยินประกาศในรถว่า
นี่จะเป็นสถานีสุดท้ายที่เค้าจะจอดที่นี่เพราะสถานีรถไฟมันกำลังจะปิดแล้ว …!!!!
ตอนนั้นพวกเรานี่สะดุ้งตาตื่นเลย ห๊ะ..??!!! อะไรนะ???!!!!
พวกเราจะถูกทิ้งไว้ที่นี่หรอเนี่ยยยย??!!! นี่พวกเราได้ยินเหมือนกันหมดใช่มั้ย??!!!
( ถามเพื่อความมั่นใจหวังว่าพวกเรายังคงไม่โง่ภาษาจีน )…. และแล้ว เมื่อพวกเราถึงสถานีสุดท้ายที่เค้าประกาศ
เจ้าหน้าที่ก็ไล่พวกเราทุกคนลงออกจากรถค่ะ พวกเราเห็นคนจีนแต่ละคนรีบเดินไปทางออกจากสถานีรถไฟ
พวกเราก็สงสัยว่าจะรีบเดินไปทำไม จากนั้นไม่นานค่ะ
พวกเราโดนยามตะโกนไล่มากเสียงดังมาก ทำเอาพวกเราตกใจหมดเลย ประมาณว่า … ‘‘นี่ พวกเธอ ..!!!! เป็นเด็กมาทำอะไรเอาเวลาป่านนี้ ...!!!!
กลับบ้านกลับช่องไปได้แล้ว ที่นี่จะปิดจริงๆแล้ว ...!!!!’’….
ความรู้สึกในตอนนั้นเลยคือ…เหมือนอยู่ในหนังแอคชั่นเลยค่ะทุกคน…!!!
นึกถึงฉากที่ตัวละครรีบวิ่งๆๆๆแล้วไฟโดนปิดตามหลังตามทาง พรึ่บ
พรึ่บ พรึ่บ พรึ่บ .....!!!!. อะไรทำนองนั้นเลยค่ะ ...!!!!.พวกเราก็วิ่งสิ เอ๋ ว่งสิเอ๋วิ่งงงงงงง...!!!!.วิ่งไปวิ่งมาจนกระทั่งพวกเราทุกคนออกมานอกสถานีรถไฟแล้ว
เจ้าหน้าที่ก็ทำการปิดประตูใหญ่ลงมาดัง พรึ่บ...!!! ในตอนนั้น
..พวกเราคิดว่า สิ่งที่พวกเราทำได้ตอนนั้น คงทำได้แค่เดินแล้วล่ะค่ะ
เดินไกลด้วย อีกแค่ป้ายเดียวแท้ๆ
ก็จะถึงป้ายที่พวกเราต้องลงแล้ว ฮือออออ... เดินแบบคลำๆมั่วๆ
ไม่รู้เส้นทาง รถข้างทางก็ไม่มี เวลา ณ ตอนนั้นแม้แต่แท็กซีเถื่อนสักคันก็ไม่มี
พวกเราก็ทำได้แค่เดินท่ามกลางอากาศหนาวๆฝ่าฝนตกปรอยๆค่ะ... จนกระทั่งเจอคู่พ่อลูกคู่นึง
เค้ามาถามพวกเราว่า พวกเราจะไปไหน มาทำอะไรที่นี่ ..... ตอนนั้นพวกเราก็ถือโอกาสถามทาง
ขอให้ช่วยบอกทางพวกเราหน่อย ..
โชคดีที่พวกเค้าไม่ใช่คนร้ายอะไร พวกเค้าก็ทำการบอกทางให้ ….. แต่ พอโม้ไปโม้มา พ่อแกแอบจีบพี่โตโย่สะนี่ 555555 (
ขั้นที่ต้องช่วยพี่แกปลีกออกมาเลยเนี่ยยย 55555 )….. จากนั้นก็ขอบคุณลุงแกที่ช่วยบอกทางพวกเรา
และแล้วพวกเราก็ต้องเดินจ้ำๆต่อไป …..กว่าจะถึงที่พักนี่
บอกเลยค่ะว่าเดินเป็นชั่วโมงแบบไม่ได้หยุดพักจริงๆ เดินต่อไปแบบไม่หยุด
กว่าจะถึงที่พักตอนนั้นล่อไปห้ามทุ่มกว่าๆเลยค่ะ พอถึงที่พักแล้วบอกเลยค่ะว่า… สลบทุกคน..!!! ..zzzZzZ…
เดี๋ยวจะมาต่อในพาร์ทถัดไปนะคะ สำหรับพาร์ทนี้ขอนอนก่อน สวัสดีค่ะ ..zzzZzZ…
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น